เที่ยว โตเกียว 7 วัน: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณเจ้าหญิงแห่งความดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้มาเล่าเรื่อง One Day Pass กับการวางแผนเที่ยวตามผังรถไฟใต้ดินในโตเกียวมาบอกเล่ากัน ลองศึกษาข้อมูลนี้ดูกันก่อนนะคะ เผื่อจะทำให้การเดินทางในโตเกียวง่ายกว่าเดิม ^__^
ใครที่วางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นและกำลังงงกับการเดินทางอยู่ละก็ ตามเรามาเลยค่ะ เพราะเราหยิบเอาบันทึกการเดินทางของที่ได้มาเล่าเรื่อง One Day Pass กับการวางแผนเที่ยวตามผังรถไฟใต้ดินในโตเกียวมาบอกเล่ากัน ลองศึกษาข้อมูลนี้ดูกันก่อนนะคะ เผื่อจะทำให้การเดินทางในโตเกียวง่ายกว่าเดิม ^__^
กระทู้นี้จะพูดถึงการซื้อตั๋ว One Day Pass ที่จะเอาไว้ใช้เฉพาะในโตเกียว รวมถึงตัวอย่างการวางแผนเที่ยวตามผังรถไฟใต้ดิน เพื่อให้คุ้มในหนึ่งวัน จึงขอแนะนำให้ซื้อแบบตั๋วที่ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดินของรัฐบาล คือ Toei Line กับของเอกชน คือ Metro Line จริง ๆ แล้วรถไฟในโตเกียวไม่ได้มีแค่รถไฟบนดินของค่าย JR กับรถไฟใต้ดินของทั้ง 2 ค่าย ที่ว่ามา แต่ยังมีรถไฟของค่ายอื่น ๆ อีก แต่ในที่นี้ขอไม่พูดถึงนะคะ เดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่ เอาที่จำเป็นในการเดินทางในโตเกียวก็พอ
กระทู้ก่อนหน้านี้มีเขียนไว้ 4 ตอนแล้วค่ะ ใครอยากตามไปอ่านเชิญได้ที่
1. ฟ้าสีเพลิง ณ กรุงโตเกียว
2. พาไปร้านพ่อค้าขายหมูปิ้งที่ชินจูกุ
3. ขอท้าคนไม่ชอบและไม่ยอมกินปลาดิบ มาลองที่นี่ Sushi Dai @ ตลาดปลา Tsukiji
4. ราเมน TAKESUE (ทาเกะสุเอะ) กับวิธีเสิร์ฟแบบพิถีพิถัน อยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Skytree
รถไฟใต้ดินในโตเกียวนั้นมีสถานีทะลุทะลวงไปทุกหนแห่ง โดยเฉพาะตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าไปโตเกียวยังไงก็ควรจะได้ไปตรงนั้น ถ้าไม่ได้ไปเหมือนไปไม่ถึงอะไรประมาณนั้น เพราะต่อให้มี JR Pass ก็ยังต้องจ่ายค่ารถไฟใต้ดินเพิ่ม เนื่องจากรถไฟบนดิน (ของ JR) ไปไม่ถึงหรือไม่ผ่านตรงนั้น
การตามหาสถานีที่เป็น Subway มี Symbol แบบนี้ ซึ่งมี 2 ค่าย คือ Metro กับ Toei ที่เหมือนตัว M คือ Metro และที่เหมือนต้นไม้สีเขียวคือ Toei
สถานีรถไฟใต้ดินทั้ง 2 บริษัท ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ด้วยกัน คือ เดินหากันได้ มีแค่บางสถานี เช่น สถานี Kuramae (อ่านว่า คู รา มา เอะ ซึ่งฟังเร็ว ๆ จะเหมือน คูราไม) จะอยู่แยกกัน แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก เพียงแค่ต้องโผล่ขึ้นมาบนดินก่อน แล้วเดินข้ามถนนไปอีกถนนหนึ่งค่อยมุดลงใต้ดินไปอีกที แต่สำหรับฉันถ้าการเดินทางจะต้องมีเส้นทางที่ต้องไปเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Kuramae ฉันจะเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทนเพราะขี้เกียจเดินเยอะค่ะ
การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินหากดูแผนผังจากภาพข้างล่างนี้ก็จะสามารถสลับสับเปลี่ยน หรือใช้ขบวนรถไฟที่ต่อเนื่องกันไปหาจุดหมายปลายทางได้หลายแบบ แล้วแต่จะอ้อมหรือไม่อ้อม หรือไกลใกล้ยังไง Scale ค่อนข้างใช้ได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด
การจะใช้แผนผังรถไฟใต้ดินนี้แล้วเดินทางให้ง่ายๆ ก็คือ ดูสถานีเริ่มต้นว่าหมายเลขอะไร และจะไปสถานปลายทางที่หมายเลขอะไร หรือจะไปต่อรถไฟที่สถานีไหน เพราะบางครั้งจะไปสถานีปลายทางที่จากต้นทางนั่งไปขบวนเดียวไม่ถึง ก็ต้องไปต่ออีกขบวน บางทีก็บริษัทเดียวกัน บางทีก็คนละบริษัทเลย ถึงบอกว่าถ้าจะให้ดีก็ซื้อแบบใช้ได้ทั้ง 2 บริษัท จะสะดวกกว่า ขอยกตัวอย่างแบบนี้นะคะ
จากภาพข้างบน ฉันเริ่มจากที่พักที่เคยรีวิวไว้ในกระทู้ที่ 1 ซึ่งสถานีตรงนั้น (วงสีแดงด้านบน) คือ Oshiage Station นั่งรถไฟสาย Z (จาก Z14) ไปเปลี่ยนรถไฟที่วงสีฟ้า คือ ลงที่ Z11 เพื่อเปลี่ยนเป็นสาย E ซึ่งตรงนี้ต้องออก Exit ผ่านเครื่องที่ต้องสอดบัตร ไปเข้าอีกชานชาลาหนึ่ง เพื่อขึ้นรถไฟอีกสายหนึ่ง คือ สาย E ไปลงที่สถานี Tsukijishiro (E18) ซึ่งเป็นสถานีที่จะเข้าไปตลาดปลาใกล้ที่สุด
การจะเดินไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาแต่ละสถานีบางครั้งก็มึนได้ ตอนเดินตามป้ายเพื่อไปที่ชานชาลาก็แค่ดูสีของรถไฟว่าสายไหน สีของแต่ละสายมันต่างกันชัดเจน มันไม่ยากเท่าไร อย่างอันนี้สายสีม่วง จาก Z14 ฉันจะไป Z11 ก็ดูตามป้าย (ภาพข้างบน) ที่ป้ายเขียน Z1-Z13 ก็คือ ฉันจะไป Z11 ก็ไปชานชาลาตามลูกศรชี้
แต่ตอนไปถึงชานชาลาแล้วจะต้องเลือกว่านั่งฝั่งไหนถึงจะถูก คงต้องดูดี ๆ ว่าเราขึ้นรถไฟถูกขบวนไหม เพราะรถไฟจะมีทั้งขาไป-ขากลับ ขึ้นผิดฝั่งก็ไปคนละทิศเลย
ฉันมีวิธีดูง่าย ๆ ยกตัวอย่าง เช่น จาก E14 ไปลง E18 การดูตัวเลขแบบนี้ ก็ง่ายต่อการดูเร็ว ๆ แบบผ่านสถานีไหนไปแล้ว กำลังจะถึงสถานีไหน ก็จะได้รู้ว่าใกล้หรือยัง เพราะบางสถานีชื่อเรียกยาก ฟังก็ไม่ค่อยได้ยิน มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกของรถไฟก็จะเห็นป้ายตามเสาที่สถานี จะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว บางทีนั่งนาน คิดอะไรเพลิน ๆ ไม่ทันได้นับสถานีก็จะได้ไม่เลยป้าย
และการจะเลือกนั่งฝั่งไหน ถ้าดูตัวเลขก็จะได้รู้ว่าเราขึ้นถูกฝั่งไหม อย่างภาพนี้ฉันถ่ายมาจากฝาผนังตอนรอรถไฟ เพื่อให้มั่นใจว่าเรานั่งถูกฝั่ง คือ จาก E14 จะไป E18 เห็นเลยว่าลูกศรชี้ไป E15 คือ ทิศทางที่จะไป E18 แน่นอน เพราะตัวเลขมันบอกลำดับเอาไว้
Toei ไม่ได้มีแค่รถไฟใต้ดินนะคะ มีรถเมล์กับรถรางด้วย อันนี้เป็นของรัฐบาล การก่อสร้างสถานีส่วนใหญ่ คำนึงถึงความปลอดภัยขณะรอรถไฟ ทำได้ดีกว่าของเอกชนค่ะ อย่างภาพนี้เป็นตัวอย่างค่ะ
เยี่ยมชมเว็บเขาได้ที่
ในขณะที่ของ Metro จะเป็นแบบนี้
http://www.tokyometro.jp/en/index.html
แต่เราก็ต้องพึ่งทั้ง 2 ค่ายนะคะ เพราะไม่ได้มีค่ายไหนไปทุกที่ คือ เหมือนเขาค่อย ๆ สร้างมาเติมเต็มในส่วนที่ขาด เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน ยกเว้นรถไฟบนดินอย่าง JR ก็จะมีทับเส้นทางหรืออยู่ใกล้กันกับสถานีรถไฟใต้ดิน บางครั้งแหล่งท่องเที่ยวเดียวกันแต่ใช้ชื่อสถานีคนละอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะไป Harajuku ของ JR Line ก็ไปสถานีชื่อ Harajuku ในขณะที่ถ้าเป็นรถไฟใต้ดิน จะไปลงที่สถานี Meiji Jingumae ซึ่งห่างกันแค่เดิน 1-2 นาที
เล่าให้ละเอียดหน่อย ก็คือ สถานี Harajuku อยู่ติดกับ Meji Shrine ส่วนสถานี Meiji Jingumae อยู่ตรงถนนที่ตัดกับถนนหน้าสถานี Harajuku เป็นถนนที่อยู่ขนานกันกับถนนคนเดิน Takeshita ซึ่งเป็นถนนที่ใคร ๆ ก็ต้องไปที่นั่น ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์จะเบียดเสียดกันทีเดียว
แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าใครมี JR Pass แล้วก็อาจไม่ต้องซื้อ One Day Pass สำหรับรถไฟใต้ดินที่ว่านี้ แต่ให้ซื้อ From Point to Point และขอแนะนำให้ซื้อ Suica หรือ Pasmo ซึ่งเป็นบัตรแทนเงินสด เติมเงินได้ หรือแลกคืนเป็นเงินสดได้ เอาไว้ใช้กับรถไฟได้กับทุกสายที่ว่ามา แถมยังเอาไปซื้อของได้ กินราเมนในบางร้านได้ กินอาหารในบางที่ก็รับบัตรพวกนี้เหมือนกัน (Suica มีขายหลายที่ โดยเฉพาะตามสถานีรถไฟบนดิน คือ JR ส่วน Pasmo ก็มีขายหลายที่โดยเฉพาะตามสถานีรถไฟใต้ดินคือ Toei กับ Metro แต่ทั้ง 2 บัตรก็ใช้ได้เหมือนกัน)
ภาพนี้คือ 2 สิ่ง ที่ต้องใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวในโตเกียว คือ ตั๋ว One Day Pass กับผังรถไฟใต้ดินทั้ง 2 ค่าย
จากตัวอย่างตั๋ว One Day Pass ในภาพที่เห็นด้านบน วันที่คือ 14, เดือน คือ 9 ส่วนปี คือ 26 เป็นการนับปีของญี่ปุ่นนะคะ เขาไม่ได้ใช้ พ.ศ. หรือ ค.ศ. เหมือนเรา
Tip s: ถ้าไปถึงสนามบินนาริตะหรือฮาเนดะแล้ว ให้ซื้อที่สนามบินทันทีจะถูกกว่า ซึ่งเขาเรียกว่า Tokyo Subway Ticket (1-day : 800 yen, 2-day : 1200 yen, 3-day : 1500 yen) แต่ตั๋วนี้…จากสนามบินนาริตะหรือสนามบินฮาเนดะเข้าเมืองอาจจะยังใช้เดินทางไม่ได้ เพราะต้องซื้อรถไฟสายอื่นในการเดินทางเข้าเมือง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าพักที่ไหน เช่น ของฉันพักแถว Tokyo Skytree ก็จะต้องซื้อตั๋วของค่าย Keisei (อ่านว่า เค-เซ) เพราะมีรถไฟที่นั่งต่อเดียวถึง ตามที่ได้รีวิวไว้แล้วในกระทู้แรก
ภาพนี้คือรถไฟสายต่าง ๆ จากทั้ง 2 สนามบิน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครพักที่ไหนก็ใช้บริการตามเส้นทางที่มี
อันนี้ Narita Airport
ส่วนอันนี้ Haneda Airport
พอดีฉันไม่ได้ซื้อจากสนามบินเพราะมารู้ทีหลัง จึงจำใจต้องซื้อตอนเข้าเมืองมาแล้ว ซึ่งก็จะแพงกว่า คือ วันละ 1,000 เยน (ถ้าซื้อจากสนามบินก็จ่ายแค่ 800 เยน แต่ถ้าซื้อแบบ 3-day ก็ยิ่งประหยัดเลย ตกวันละ 500 เยนเอง) หากต้องการใช้ได้ทั้ง 2 ค่าย ซึ่งก็ขอแนะนำให้ใช้อันนี้แหละ เพราะสะดวกดี ไปได้ทุกสถานีรถไฟใต้ดินเลย
ซื้อของ Pass นี้คือ Toei and Tokyo Metro One-Day Economy Pass มีวิธีซื้อง่าย ๆ มาฝากค่ะ
ซื้อจากเครื่องสีเขียวนะคะ
หลังจากกดปุ่มเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษแล้วจะได้หน้าตาแบบนี้ (มองหาปุ่มคำว่า English นะคะ พอดีรูปนี้ กดปุ่มมาแล้วเลยไม่เห็นคำว่า English)
จากภาพข้างบนให้เลือก One Day Economy Pass จะได้หน้าจอแบบภาพนี้
แล้วเลือกอันที่เป็น 1,000 yen ใช้ได้ทั้งหมดที่เป็นรถไฟใต้ดินทั้ง 2 ค่าย พอเลือกเสร็จก็จะได้หน้าจอนี้ เตรียมจ่ายเงินด้วยการสอดธนบัตร 1,000 เยน ไปเลยค่ะ
เรียบร้อยแล้ว ตั๋ว One Day Pass ก็จะออกมาตรงนี้ พร้อมตะลุยโตเกียวกันเลยค่ะ ง่ายมากเลยเนาะ (กว่าจะรู้ก็เสียค่าไม่รู้ไปหลายตังค์แล้ว ฮ่า ๆ)
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะว่า Pass นี้ถ้าเป็น One Day Pass การใช้ให้คุ้มต้องใช้แต่เช้า คือ เขาจะนับการใช้ตั้งแต่รถไฟเที่ยวแรกไปจนถึงเที่ยวสุดท้ายของวันนั้น ๆ One Day Pass ไม่ได้แปลว่าใช้ได้ 24 ชั่วโมง หมายความว่า ไม่ใช่ซื้อตอน 10 โมงเช้า แล้วจะใช้ได้ถึง 10 โมงเช้าของอีกวันหนึ่งนะคะ ดังนั้นการใช้ Pass ก็ควรจะเริ่มเที่ยวแต่เช้าถึงค่ำ และไปหลาย ๆ ที่ต่อวันถึงจะคุ้มสุด
ยกตัวอย่าง…วันหนึ่งของฉันให้ดูนะคะ คือ วันนั้นไม่ได้ตื่นแต่เช้ามืดเหมือนวันที่ไปตลาดปลาเป็นจุดแรก แต่ก็อยากไปหลายที่ จึงเริ่มจากที่พักตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพราะอยากไปถ่ายรูปสะพานแว่นตาให้ทัน จึงต้องไปถึงที่นั่นก่อน 09.30 น. (สะพานที่ว่านี้อยู่หน้าพระราชวังอิมพีเรียลที่โตเกียว) แล้วต่อด้วยตลาดปลาเพื่อไปลองกินซูชิที่ร้านไม่ดังในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ แต่ไปเพราะคนญี่ปุ่นแนะนำถ้าไม่อยากรอคิวนาน วันก่อนหน้านี้ได้ไปกินร้านดังมาแล้วเลยอยากเปรียบเทียบ จากนั้นก็ไปเที่ยวสนามแข่งซูโม่ ซึ่งติดกับพิพิธภัณฑ์ Edo รอบนี้ไม่ได้เข้าไป เพราะเคยไปมาแล้วครั้งก่อน
แล้วก็ไปหาอะไรกินแถวชินจูกุ เสร็จแล้วไปเดินดูของที่ตลาด Ameyayoko ตอนกลางคืนย่าน Ueno แล้วกลับที่พักแถว Tokyo Skytree (คือวันนั้นอารมณ์เปลี่ยนใจหลายรอบ เลยออกจะมั่ว ๆ ทิศทาง ไม่แนะนำนะ ยกตัวอย่างการใช้คุ้มเฉย ๆ)
แม้ไม่ได้วางแผนไว้ทั้งวัน แต่ก็ตั้งเป้าหมายไว้แค่ 2 แห่งแรก เพราะสำหรับฉันบางทีก็ขึ้นอยู่กับว่าอารมณ์นั้นอยากไปที่ไหนซ้ำ หรืออยากไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ ไหม แต่ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ เพราะยังไงถ้าจ่ายเป็นรอบ ๆ ก็แพงกว่า Pass แบบนี้แน่ ๆ เที่ยวทั้งวัน+ไปหลายที่ประหยัดมาก
หน้าตาของบัตร Tokyo Subway Ticket มาให้ดูค่ะ ยังไม่เคยซื้อเหมือนกัน เพราะพึ่งทราบข่าวนะคะ
ตัวอย่างอีกอันหนึ่งสำหรับการดูว่าเราจะนั่งฝั่งไหนนั้น ดูที่ตัวเลขของสถานีที่เราจะไปนั้นง่ายสุด ๆ แล้วค่ะ เพราะทุกทีฉันจะใช้วิธีดูปลายทางว่าไปสถานีไหน หรือสถานีถัดไปเป็นสถานีอะไรตามผังรถไฟ แต่แบบนี้ ทำให้เข้าใจง่ายกว่า และตัดสินใจง่ายว่าจะยืนรออยู่ฝั่งไหนดี ดูตัวเลขเอาค่ะ สำหรับฉันรถไฟใต้ดินเดินทางง่ายมากแล้วค่ะ ตอนนี้หลังจากที่ขึ้นผิดขึ้นถูก หลงบ้างอะไรบ้าง มาหลายรอบ 555
วันนี้ก็อย่างที่บอกว่าอยากจะไปถ่ายรูปสะพานแว่นตา หรือมีชื่อเรียกว่า Nijubashi Bridge สถานีที่เดินใกล้สุด มี 2 สถานีค่ะ คือ
สถานี Sakuradamon (Y17) ออก Exit 3 หรือสถานี Nijubashimae (C10) ออก Exit 2 เดินออกมารู้สึกสดชื่นมากค่ะ ต้นไม้เขียว สนามหญ้าเขียว งดงามและบรรยากาศดีจริง ๆ ภาพนี้ถ่ายตอนเดินเล่นรอบ ๆ นะคะ
บริเวณนี้ต้องข้ามถนนมาอีกหน่อยนะคะ แต่โดยรอบก็จะเห็นสนามหญ้าเขียว ๆ ไปทั่ว กว้าง ๆ แผ่กระจายพื้นที่โดยรอบบริเวณของพระราชวังค่ะ
เดินไปตามป้ายก็จะเห็นรถทัวร์จอดกันที่ลานจอดรถเยอะ แสดงว่ามาถูกทางแล้ว นักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมากค่ะ มากันหลายคันรถ ส่วนฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปเพราะเกรงว่าแสงที่ทำให้มีเงากระทบน้ำ สร้างกรอบแว่นตาด้านล่างสะพานหายไป จึงได้ภาพมาบ้าง ไม่ค่อยเต็มที่เท่าไร แต่ก็ถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง
ก่อนถึงสะพานถ่ายรูปถนนหนทางแถวนั้นมาให้ดูค่ะ พื้นที่กว้างมาก เห็นชาวญี่ปุ่นมาเดินเล่น ออกกำลังกายด้วย แต่ตอนหลังมาเห็นว่าเป็นกลุ่มพวกมาแข่งมาราธอนกันก็ตอนเดินออกไปทางประตูที่ติดกับสถานี Sakuradamon นั่นแหละค่ะ
เดินไปใกล้สะพานแล้ว
ในที่สุดก็ได้ถ่ายภาพนี้กับเขาบ้าง ขอขยายใหญ่อวดหน่อย ฮ่า ๆ เห่อมาก
ใกล้เข้าไปอีกนิด แต่ก็ได้แค่นี้ค่ะ ถ้าถ่ายรูปเก่งกว่านี้สักหน่อยก็คงจะดีสินะ
ภาพบริเวณรอบ ๆ บ้าง
ถ่ายเงาต้นไม้ตกลงในน้ำบ้าง…
ฉันอิ่มเอมกับการเที่ยวในวันนี้พอสมควร ถึงแม้จะเป็นวันที่แสงแดดไม่ค่อยมีสักเท่าไร แต่ก็แจ่มใสเบิกบาน ร่มรื่น และพร้อมที่จะไปตะลุยใช้รถไฟให้คุ้ม และอยากจะบอกว่าแม้จะเดินแวะถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้เป็นนานสองนาน ไม่ได้รีบถ่ายรีบเดินทางไปยังแต่ละจุด ก็ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปทั้ง Tsukiji Market, Ryogoku, Shinjuku, Ueno ได้อีก
นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งวันที่ฉันบอกได้เลยว่าการใช้ One Day Pass นั้น หากเราเริ่มใช้แต่เช้า (ยิ่งวันที่ไปตลาดปลาก่อนตอนตีห้ายิ่งคุ้มมาก) เพียงต้องนอนหลับให้เต็มที่ในวันที่จะใช้บัตร จะได้คุ้มมาก ๆ และรู้สึกฟิน+ภูมิใจที่เราไม่ได้เสียเงินมากมายกับค่าไม่รู้หรือรู้งี้…แน่นอน
ตรงนี้เป็นประตูทางออกที่จะไปสู่สถานี Sakuradamon ที่บอกไว้ค่ะ ตรงนี้แหละที่เห็นเขามาแข่งเดินมาราธอนกัน ทุกคนดูฟิตกันมาก ส่วนฉันเองก็ฮึดอยากเดินกับเขา แต่ก็หิวแล้วจะไปกินซูชิที่ตลาดปลา ก็เลยไปแวะถ่ายรูปทางออกของสถานีที่ว่านี้สักหน่อย
จากประตูใหญ่นั้นเดินผ่านเข้าไปก็จะมาเจอประตูเล็กนี้อีกที เป็นทางออกสู่ถนน และใกล้ ๆ กับประตูนี้แหละค่ะที่เป็น Exit 3 ที่บอกไว้
ภาพนี้ถ่ายจากแผนที่แถว ๆ นั้น
เดินออกประตูมาได้เงาต้นไม้ใหญ่ตกลงน้ำอีกภาพกับ Exit ที่ว่า
บางครั้งถ้าเรารู้สึกเหนื่อยและอยากออมแรงไว้เดิน ก็สามารถใช้ลิฟต์ขึ้นข้างบนได้ หลังจากออกจากรถไฟก็มองหาได้เลย เท่าที่ฉันสังเกตมีทุกสถานีเลยค่ะ สะดวกมาก สำหรับคนเดินทางที่มีกระเป๋าหนัก ๆ ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได สบาย ๆ ได้เลยค่ะ
ใครจะเดินตามรอยไปเที่ยว Edo Museum ก็ไปที่สถานี Ryokoku ออก Exit A3 นะคะ ไปได้ทั้งพิพิธภัณฑ์และสนามแข่งซูโม่
ฉันไป Edo Museum มาเมื่อปีที่แล้ว เคยทำรีวิวเอาไว้ ขออนุญาตแปะให้ตรงนี้ค่ะ
แต่รอบนี้เป็นช่วงที่เขามีการจัดแข่งซูโม่กันพอดี ฉันเลยได้ไปยืนชื่นชมนักกีฬาของชาติญี่ปุ่นกับเขาด้วย
ออกจากลิฟต์มาก็เดินมาทางขวาเลยค่ะ ตามทางนี้ไปสนามกีฬาซูโม่
ไปถึงที่นั่นบ่ายสองนิด ๆ คือ เพิ่งทราบว่าการแข่งกีฬาซูโม่นั้น เป็นอะไรที่ชาวญี่ปุ่นตื่นตัวและตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันมาก ตั๋วเต็มทุกวัน ต้องไปยืนรอเผื่อฟลุค พอดีฉันไม่ได้อะไรมากกับกีฬาด้านการต่อสู้ จึงไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร แค่อยากถ่ายรูปแล้วเอามาเล่าให้ฟัง
ประตูทางเข้าค่ะ คือหมดสิทธิ์เข้าไปค่ะ เพราะไม่มีตั๋ว ก็ต้องยืนสังเกตการณ์อยู่แถว ๆ ริมถนนด้านหน้า ซึ่งมิใช่แค่ฉัน คนญี่ปุ่นอีกเป็นร้อย ๆ คนก็ต้องมายืนออกันอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน ฝรั่งด้วย คงอาจมีการขายตั๋วที่ตกค้างหรือมีคนเอามาขายต่อกันบ้าง
มองเข้าไปอีกประตูหนึ่ง คือเป็นประตูที่ซูโม่จะต้องเดินเข้าไปทางนี้เพื่อไปสนามแข่ง ขณะนั้นเวลาใกล้บ่าย 3 แล้ว คงจะทยอยกันมา
เจอแล้วหนึ่งคน…เดินมาทีหนึ่งก็มีเสียงปรบมือต้อนรับกันทีหนึ่ง เหมือนดาราเลยค่ะ แต่คนนี้คงยังไม่ได้ระดับพี่ใหญ่
ยืนอยู่แถวนั้นพักใหญ่ก็เห็นมาเรื่อย ๆ ทั้งเสียงปรบมือและโห่ร้องแบบมีมารยาทเป็นพัก ๆ คนไหนที่ดังหน่อยจะได้ยินเสียงต้อนรับเยอะหน่อย
และคนนี้ได้ยินเสียงปรบมือดังมาก เหมือนเป็นขวัญใจเขา และเท่าที่ฉันสังเกตจะมีคนแต่งตัวซูโม่ตัวเล็กกว่าเดินตามหลัง 1-2 คน ถืออะไรมาด้วย เหมือนเป็นผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยงอะไรแบบนี้เลย (ใช่หรือเปล่า)
สมควรแก่เวลา เดินทางต่อไปชินจูกุ เดินเล่นเพลิน ๆ ไปหาอะไรกิน เจอกับดัก Burger King เพราะดันติดใจ วันก่อนไปกินเมนูพิเศษที่ Asakusa เป็น Avocado Hamburger มันอร่อยใช้ได้เลยค่ะ เลยต้องจัดไปอีกครั้ง เปลี่ยนเมนูจากซูชิกับราเมนซะบ้าง
จัดไปหนึ่งชุด French Fries อร่อยมากอ่ะ ไปกินมา 2 สาขา อร่อยทั้ง 2 ที่ ไม่มีทอดทิ้งไว้เลย เสิร์ฟแบบทอดใหม่ ๆ ตลอด เพราะต้องถือหมายเลขโต๊ะไปรอด้วย เขายกมาเสิร์ฟ
หอมกลิ่นควันไฟ ผักกรอบ ซอสอร่อย ได้รับรสของความสดใหม่
ชอบสำนวนการโฆษณาของ Burger King
เสียดายไม่ได้ชิมเซตนี้ แปลกดี มีขายแค่เดือนเดียว วันที่เห็นเป็นวันที่เขาเริ่มขายเป็นวันที่สอง แต่ซัดชุดอโวคาโดไปซะแล้ว
คงไม่ต้องรีวิวการเดินทางไป Ueno เพราะมีรีวิวกันเยอะอยู่แล้วค่ะ
เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว Disney Sea ค่ะ นั่งรถบัสจาก Tokyo Skytree เลย สะดวกสบายมากมาย การเดินทางในโตเกียวของฉันรอบนี้ได้ประสบการณ์อีกเยอะค่ะ เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อ ทั้งนั่งเรือไป Odaiba นั่งรถบัสไป Ueno และเดินเล่นจาก Tokyo Skytree ไปที่ Asakusa ระหว่างทางเจออะไรใหม่ ๆ ร้านขายของชำ ราคาถูกกว่า Convenient Store และอื่น ๆ ติดตามชมนะคะ
ไปเที่ยวต่อกันค่ะ Tokyo Disney Sea
http://pantip.com/topic/32634007
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณเจ้าหญิงแห่งความดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เมื่อ 7-21 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ฉันได้ไปทดลองใช้ชีวิตในโตเกียว และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ตัดสินใจซื้อ One Day Pass หลังจากไปญี่ปุ่นมา 3 ครั้งแล้ว พบว่าตัวเองน่าจะซื้อใช้ตั้งแต่แรก เพราะมันประหยัดและคุ้มมาก เสียเงินกับการเดินทางในโตเกียววัน ๆ หนึ่งมากกว่าที่ซื้อ One Day Pass ไปหลายร้อยบาทต่อวันมาแล้ว จึงอยากจะมาแบ่งปันสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวและยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อตั๋วอะไรกระทู้นี้จะพูดถึงการซื้อตั๋ว One Day Pass ที่จะเอาไว้ใช้เฉพาะในโตเกียว รวมถึงตัวอย่างการวางแผนเที่ยวตามผังรถไฟใต้ดิน เพื่อให้คุ้มในหนึ่งวัน จึงขอแนะนำให้ซื้อแบบตั๋วที่ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดินของรัฐบาล คือ Toei Line กับของเอกชน คือ Metro Line จริง ๆ แล้วรถไฟในโตเกียวไม่ได้มีแค่รถไฟบนดินของค่าย JR กับรถไฟใต้ดินของทั้ง 2 ค่าย ที่ว่ามา แต่ยังมีรถไฟของค่ายอื่น ๆ อีก แต่ในที่นี้ขอไม่พูดถึงนะคะ เดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่ เอาที่จำเป็นในการเดินทางในโตเกียวก็พอ1. ฟ้าสีเพลิง ณ กรุงโตเกียว http://pantip.com/topic/32612390 2. พาไปร้านพ่อค้าขายหมูปิ้งที่ชินจูกุ http://pantip.com/topic/32615485 3. ขอท้าคนไม่ชอบและไม่ยอมกินปลาดิบ มาลองที่นี่ Sushi Dai @ ตลาดปลา Tsukiji http://pantip.com/topic/32618971 4. ราเมน TAKESUE (ทาเกะสุเอะ) กับวิธีเสิร์ฟแบบพิถีพิถัน อยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Skytree http://pantip.com/topic/32623485 รถไฟใต้ดินในโตเกียวนั้นมีสถานีทะลุทะลวงไปทุกหนแห่ง โดยเฉพาะตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าไปโตเกียวยังไงก็ควรจะได้ไปตรงนั้น ถ้าไม่ได้ไปเหมือนไปไม่ถึงอะไรประมาณนั้น เพราะต่อให้มี JR Pass ก็ยังต้องจ่ายค่ารถไฟใต้ดินเพิ่ม เนื่องจากรถไฟบนดิน (ของ JR) ไปไม่ถึงหรือไม่ผ่านตรงนั้นการตามหาสถานีที่เป็น Subway มี Symbol แบบนี้ ซึ่งมี 2 ค่าย คือ Metro กับ Toei ที่เหมือนตัว M คือ Metro และที่เหมือนต้นไม้สีเขียวคือ Toeiสถานีรถไฟใต้ดินทั้ง 2 บริษัท ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ด้วยกัน คือ เดินหากันได้ มีแค่บางสถานี เช่น สถานี Kuramae (อ่านว่า คู รา มา เอะ ซึ่งฟังเร็ว ๆ จะเหมือน คูราไม) จะอยู่แยกกัน แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก เพียงแค่ต้องโผล่ขึ้นมาบนดินก่อน แล้วเดินข้ามถนนไปอีกถนนหนึ่งค่อยมุดลงใต้ดินไปอีกที แต่สำหรับฉันถ้าการเดินทางจะต้องมีเส้นทางที่ต้องไปเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Kuramae ฉันจะเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทนเพราะขี้เกียจเดินเยอะค่ะการเดินทางโดยรถไฟใต้ดินหากดูแผนผังจากภาพข้างล่างนี้ก็จะสามารถสลับสับเปลี่ยน หรือใช้ขบวนรถไฟที่ต่อเนื่องกันไปหาจุดหมายปลายทางได้หลายแบบ แล้วแต่จะอ้อมหรือไม่อ้อม หรือไกลใกล้ยังไง Scale ค่อนข้างใช้ได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมดการจะใช้แผนผังรถไฟใต้ดินนี้แล้วเดินทางให้ง่ายๆ ก็คือ ดูสถานีเริ่มต้นว่าหมายเลขอะไร และจะไปสถานปลายทางที่หมายเลขอะไร หรือจะไปต่อรถไฟที่สถานีไหน เพราะบางครั้งจะไปสถานีปลายทางที่จากต้นทางนั่งไปขบวนเดียวไม่ถึง ก็ต้องไปต่ออีกขบวน บางทีก็บริษัทเดียวกัน บางทีก็คนละบริษัทเลย ถึงบอกว่าถ้าจะให้ดีก็ซื้อแบบใช้ได้ทั้ง 2 บริษัท จะสะดวกกว่า ขอยกตัวอย่างแบบนี้นะคะจากภาพข้างบน ฉันเริ่มจากที่พักที่เคยรีวิวไว้ในกระทู้ที่ 1 ซึ่งสถานีตรงนั้น (วงสีแดงด้านบน) คือ Oshiage Station นั่งรถไฟสาย Z (จาก Z14) ไปเปลี่ยนรถไฟที่วงสีฟ้า คือ ลงที่ Z11 เพื่อเปลี่ยนเป็นสาย E ซึ่งตรงนี้ต้องออก Exit ผ่านเครื่องที่ต้องสอดบัตร ไปเข้าอีกชานชาลาหนึ่ง เพื่อขึ้นรถไฟอีกสายหนึ่ง คือ สาย E ไปลงที่สถานี Tsukijishiro (E18) ซึ่งเป็นสถานีที่จะเข้าไปตลาดปลาใกล้ที่สุดการจะเดินไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาแต่ละสถานีบางครั้งก็มึนได้ ตอนเดินตามป้ายเพื่อไปที่ชานชาลาก็แค่ดูสีของรถไฟว่าสายไหน สีของแต่ละสายมันต่างกันชัดเจน มันไม่ยากเท่าไร อย่างอันนี้สายสีม่วง จาก Z14 ฉันจะไป Z11 ก็ดูตามป้าย (ภาพข้างบน) ที่ป้ายเขียน Z1-Z13 ก็คือ ฉันจะไป Z11 ก็ไปชานชาลาตามลูกศรชี้แต่ตอนไปถึงชานชาลาแล้วจะต้องเลือกว่านั่งฝั่งไหนถึงจะถูก คงต้องดูดี ๆ ว่าเราขึ้นรถไฟถูกขบวนไหม เพราะรถไฟจะมีทั้งขาไป-ขากลับ ขึ้นผิดฝั่งก็ไปคนละทิศเลยฉันมีวิธีดูง่าย ๆ ยกตัวอย่าง เช่น จาก E14 ไปลง E18 การดูตัวเลขแบบนี้ ก็ง่ายต่อการดูเร็ว ๆ แบบผ่านสถานีไหนไปแล้ว กำลังจะถึงสถานีไหน ก็จะได้รู้ว่าใกล้หรือยัง เพราะบางสถานีชื่อเรียกยาก ฟังก็ไม่ค่อยได้ยิน มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกของรถไฟก็จะเห็นป้ายตามเสาที่สถานี จะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว บางทีนั่งนาน คิดอะไรเพลิน ๆ ไม่ทันได้นับสถานีก็จะได้ไม่เลยป้ายและการจะเลือกนั่งฝั่งไหน ถ้าดูตัวเลขก็จะได้รู้ว่าเราขึ้นถูกฝั่งไหม อย่างภาพนี้ฉันถ่ายมาจากฝาผนังตอนรอรถไฟ เพื่อให้มั่นใจว่าเรานั่งถูกฝั่ง คือ จาก E14 จะไป E18 เห็นเลยว่าลูกศรชี้ไป E15 คือ ทิศทางที่จะไป E18 แน่นอน เพราะตัวเลขมันบอกลำดับเอาไว้Toei ไม่ได้มีแค่รถไฟใต้ดินนะคะ มีรถเมล์กับรถรางด้วย อันนี้เป็นของรัฐบาล การก่อสร้างสถานีส่วนใหญ่ คำนึงถึงความปลอดภัยขณะรอรถไฟ ทำได้ดีกว่าของเอกชนค่ะ อย่างภาพนี้เป็นตัวอย่างค่ะเยี่ยมชมเว็บเขาได้ที่ http://www.kotsu.metro.tokyo.jp/eng/ ในขณะที่ของ Metro จะเป็นแบบนี้แต่เราก็ต้องพึ่งทั้ง 2 ค่ายนะคะ เพราะไม่ได้มีค่ายไหนไปทุกที่ คือ เหมือนเขาค่อย ๆ สร้างมาเติมเต็มในส่วนที่ขาด เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน ยกเว้นรถไฟบนดินอย่าง JR ก็จะมีทับเส้นทางหรืออยู่ใกล้กันกับสถานีรถไฟใต้ดิน บางครั้งแหล่งท่องเที่ยวเดียวกันแต่ใช้ชื่อสถานีคนละอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะไป Harajuku ของ JR Line ก็ไปสถานีชื่อ Harajuku ในขณะที่ถ้าเป็นรถไฟใต้ดิน จะไปลงที่สถานี Meiji Jingumae ซึ่งห่างกันแค่เดิน 1-2 นาทีเล่าให้ละเอียดหน่อย ก็คือ สถานี Harajuku อยู่ติดกับ Meji Shrine ส่วนสถานี Meiji Jingumae อยู่ตรงถนนที่ตัดกับถนนหน้าสถานี Harajuku เป็นถนนที่อยู่ขนานกันกับถนนคนเดิน Takeshita ซึ่งเป็นถนนที่ใคร ๆ ก็ต้องไปที่นั่น ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์จะเบียดเสียดกันทีเดียวแต่เดี๋ยวก่อน ถ้าใครมี JR Pass แล้วก็อาจไม่ต้องซื้อ One Day Pass สำหรับรถไฟใต้ดินที่ว่านี้ แต่ให้ซื้อ From Point to Point และขอแนะนำให้ซื้อ Suica หรือ Pasmo ซึ่งเป็นบัตรแทนเงินสด เติมเงินได้ หรือแลกคืนเป็นเงินสดได้ เอาไว้ใช้กับรถไฟได้กับทุกสายที่ว่ามา แถมยังเอาไปซื้อของได้ กินราเมนในบางร้านได้ กินอาหารในบางที่ก็รับบัตรพวกนี้เหมือนกัน (Suica มีขายหลายที่ โดยเฉพาะตามสถานีรถไฟบนดิน คือ JR ส่วน Pasmo ก็มีขายหลายที่โดยเฉพาะตามสถานีรถไฟใต้ดินคือ Toei กับ Metro แต่ทั้ง 2 บัตรก็ใช้ได้เหมือนกัน)ภาพนี้คือ 2 สิ่ง ที่ต้องใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวในโตเกียว คือ ตั๋ว One Day Pass กับผังรถไฟใต้ดินทั้ง 2 ค่ายจากตัวอย่างตั๋ว One Day Pass ในภาพที่เห็นด้านบน วันที่คือ 14, เดือน คือ 9 ส่วนปี คือ 26 เป็นการนับปีของญี่ปุ่นนะคะ เขาไม่ได้ใช้ พ.ศ. หรือ ค.ศ. เหมือนเราTip s: ถ้าไปถึงสนามบินนาริตะหรือฮาเนดะแล้ว ให้ซื้อที่สนามบินทันทีจะถูกกว่า ซึ่งเขาเรียกว่า Tokyo Subway Ticket (1-day : 800 yen, 2-day : 1200 yen, 3-day : 1500 yen) แต่ตั๋วนี้…จากสนามบินนาริตะหรือสนามบินฮาเนดะเข้าเมืองอาจจะยังใช้เดินทางไม่ได้ เพราะต้องซื้อรถไฟสายอื่นในการเดินทางเข้าเมือง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าพักที่ไหน เช่น ของฉันพักแถว Tokyo Skytree ก็จะต้องซื้อตั๋วของค่าย Keisei (อ่านว่า เค-เซ) เพราะมีรถไฟที่นั่งต่อเดียวถึง ตามที่ได้รีวิวไว้แล้วในกระทู้แรกภาพนี้คือรถไฟสายต่าง ๆ จากทั้ง 2 สนามบิน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครพักที่ไหนก็ใช้บริการตามเส้นทางที่มีอันนี้ Narita Airportส่วนอันนี้ Haneda Airportพอดีฉันไม่ได้ซื้อจากสนามบินเพราะมารู้ทีหลัง จึงจำใจต้องซื้อตอนเข้าเมืองมาแล้ว ซึ่งก็จะแพงกว่า คือ วันละ 1,000 เยน (ถ้าซื้อจากสนามบินก็จ่ายแค่ 800 เยน แต่ถ้าซื้อแบบ 3-day ก็ยิ่งประหยัดเลย ตกวันละ 500 เยนเอง) หากต้องการใช้ได้ทั้ง 2 ค่าย ซึ่งก็ขอแนะนำให้ใช้อันนี้แหละ เพราะสะดวกดี ไปได้ทุกสถานีรถไฟใต้ดินเลยซื้อของ Pass นี้คือ Toei and Tokyo Metro One-Day Economy Pass มีวิธีซื้อง่าย ๆ มาฝากค่ะซื้อจากเครื่องสีเขียวนะคะหลังจากกดปุ่มเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษแล้วจะได้หน้าตาแบบนี้ (มองหาปุ่มคำว่า English นะคะ พอดีรูปนี้ กดปุ่มมาแล้วเลยไม่เห็นคำว่า English)จากภาพข้างบนให้เลือก One Day Economy Pass จะได้หน้าจอแบบภาพนี้แล้วเลือกอันที่เป็น 1,000 yen ใช้ได้ทั้งหมดที่เป็นรถไฟใต้ดินทั้ง 2 ค่าย พอเลือกเสร็จก็จะได้หน้าจอนี้ เตรียมจ่ายเงินด้วยการสอดธนบัตร 1,000 เยน ไปเลยค่ะเรียบร้อยแล้ว ตั๋ว One Day Pass ก็จะออกมาตรงนี้ พร้อมตะลุยโตเกียวกันเลยค่ะ ง่ายมากเลยเนาะ (กว่าจะรู้ก็เสียค่าไม่รู้ไปหลายตังค์แล้ว ฮ่า ๆ)ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะว่า Pass นี้ถ้าเป็น One Day Pass การใช้ให้คุ้มต้องใช้แต่เช้า คือ เขาจะนับการใช้ตั้งแต่รถไฟเที่ยวแรกไปจนถึงเที่ยวสุดท้ายของวันนั้น ๆ One Day Pass ไม่ได้แปลว่าใช้ได้ 24 ชั่วโมง หมายความว่า ไม่ใช่ซื้อตอน 10 โมงเช้า แล้วจะใช้ได้ถึง 10 โมงเช้าของอีกวันหนึ่งนะคะ ดังนั้นการใช้ Pass ก็ควรจะเริ่มเที่ยวแต่เช้าถึงค่ำ และไปหลาย ๆ ที่ต่อวันถึงจะคุ้มสุดยกตัวอย่าง…วันหนึ่งของฉันให้ดูนะคะ คือ วันนั้นไม่ได้ตื่นแต่เช้ามืดเหมือนวันที่ไปตลาดปลาเป็นจุดแรก แต่ก็อยากไปหลายที่ จึงเริ่มจากที่พักตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพราะอยากไปถ่ายรูปสะพานแว่นตาให้ทัน จึงต้องไปถึงที่นั่นก่อน 09.30 น. (สะพานที่ว่านี้อยู่หน้าพระราชวังอิมพีเรียลที่โตเกียว) แล้วต่อด้วยตลาดปลาเพื่อไปลองกินซูชิที่ร้านไม่ดังในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ แต่ไปเพราะคนญี่ปุ่นแนะนำถ้าไม่อยากรอคิวนาน วันก่อนหน้านี้ได้ไปกินร้านดังมาแล้วเลยอยากเปรียบเทียบ จากนั้นก็ไปเที่ยวสนามแข่งซูโม่ ซึ่งติดกับพิพิธภัณฑ์ Edo รอบนี้ไม่ได้เข้าไป เพราะเคยไปมาแล้วครั้งก่อนแล้วก็ไปหาอะไรกินแถวชินจูกุ เสร็จแล้วไปเดินดูของที่ตลาด Ameyayoko ตอนกลางคืนย่าน Ueno แล้วกลับที่พักแถว Tokyo Skytree (คือวันนั้นอารมณ์เปลี่ยนใจหลายรอบ เลยออกจะมั่ว ๆ ทิศทาง ไม่แนะนำนะ ยกตัวอย่างการใช้คุ้มเฉย ๆ)แม้ไม่ได้วางแผนไว้ทั้งวัน แต่ก็ตั้งเป้าหมายไว้แค่ 2 แห่งแรก เพราะสำหรับฉันบางทีก็ขึ้นอยู่กับว่าอารมณ์นั้นอยากไปที่ไหนซ้ำ หรืออยากไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ ไหม แต่ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ เพราะยังไงถ้าจ่ายเป็นรอบ ๆ ก็แพงกว่า Pass แบบนี้แน่ ๆ เที่ยวทั้งวัน+ไปหลายที่ประหยัดมากหน้าตาของบัตร Tokyo Subway Ticket มาให้ดูค่ะ ยังไม่เคยซื้อเหมือนกัน เพราะพึ่งทราบข่าวนะคะตัวอย่างอีกอันหนึ่งสำหรับการดูว่าเราจะนั่งฝั่งไหนนั้น ดูที่ตัวเลขของสถานีที่เราจะไปนั้นง่ายสุด ๆ แล้วค่ะ เพราะทุกทีฉันจะใช้วิธีดูปลายทางว่าไปสถานีไหน หรือสถานีถัดไปเป็นสถานีอะไรตามผังรถไฟ แต่แบบนี้ ทำให้เข้าใจง่ายกว่า และตัดสินใจง่ายว่าจะยืนรออยู่ฝั่งไหนดี ดูตัวเลขเอาค่ะ สำหรับฉันรถไฟใต้ดินเดินทางง่ายมากแล้วค่ะ ตอนนี้หลังจากที่ขึ้นผิดขึ้นถูก หลงบ้างอะไรบ้าง มาหลายรอบ 555วันนี้ก็อย่างที่บอกว่าอยากจะไปถ่ายรูปสะพานแว่นตา หรือมีชื่อเรียกว่า Nijubashi Bridge สถานีที่เดินใกล้สุด มี 2 สถานีค่ะ คือสถานี Sakuradamon (Y17) ออก Exit 3 หรือสถานี Nijubashimae (C10) ออก Exit 2 เดินออกมารู้สึกสดชื่นมากค่ะ ต้นไม้เขียว สนามหญ้าเขียว งดงามและบรรยากาศดีจริง ๆ ภาพนี้ถ่ายตอนเดินเล่นรอบ ๆ นะคะบริเวณนี้ต้องข้ามถนนมาอีกหน่อยนะคะ แต่โดยรอบก็จะเห็นสนามหญ้าเขียว ๆ ไปทั่ว กว้าง ๆ แผ่กระจายพื้นที่โดยรอบบริเวณของพระราชวังค่ะเดินไปตามป้ายก็จะเห็นรถทัวร์จอดกันที่ลานจอดรถเยอะ แสดงว่ามาถูกทางแล้ว นักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมากค่ะ มากันหลายคันรถ ส่วนฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปเพราะเกรงว่าแสงที่ทำให้มีเงากระทบน้ำ สร้างกรอบแว่นตาด้านล่างสะพานหายไป จึงได้ภาพมาบ้าง ไม่ค่อยเต็มที่เท่าไร แต่ก็ถือว่าพอใจในระดับหนึ่งก่อนถึงสะพานถ่ายรูปถนนหนทางแถวนั้นมาให้ดูค่ะ พื้นที่กว้างมาก เห็นชาวญี่ปุ่นมาเดินเล่น ออกกำลังกายด้วย แต่ตอนหลังมาเห็นว่าเป็นกลุ่มพวกมาแข่งมาราธอนกันก็ตอนเดินออกไปทางประตูที่ติดกับสถานี Sakuradamon นั่นแหละค่ะเดินไปใกล้สะพานแล้วในที่สุดก็ได้ถ่ายภาพนี้กับเขาบ้าง ขอขยายใหญ่อวดหน่อย ฮ่า ๆ เห่อมากใกล้เข้าไปอีกนิด แต่ก็ได้แค่นี้ค่ะ ถ้าถ่ายรูปเก่งกว่านี้สักหน่อยก็คงจะดีสินะภาพบริเวณรอบ ๆ บ้างถ่ายเงาต้นไม้ตกลงในน้ำบ้าง…ฉันอิ่มเอมกับการเที่ยวในวันนี้พอสมควร ถึงแม้จะเป็นวันที่แสงแดดไม่ค่อยมีสักเท่าไร แต่ก็แจ่มใสเบิกบาน ร่มรื่น และพร้อมที่จะไปตะลุยใช้รถไฟให้คุ้ม และอยากจะบอกว่าแม้จะเดินแวะถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้เป็นนานสองนาน ไม่ได้รีบถ่ายรีบเดินทางไปยังแต่ละจุด ก็ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปทั้ง Tsukiji Market, Ryogoku, Shinjuku, Ueno ได้อีกนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งวันที่ฉันบอกได้เลยว่าการใช้ One Day Pass นั้น หากเราเริ่มใช้แต่เช้า (ยิ่งวันที่ไปตลาดปลาก่อนตอนตีห้ายิ่งคุ้มมาก) เพียงต้องนอนหลับให้เต็มที่ในวันที่จะใช้บัตร จะได้คุ้มมาก ๆ และรู้สึกฟิน+ภูมิใจที่เราไม่ได้เสียเงินมากมายกับค่าไม่รู้หรือรู้งี้…แน่นอนตรงนี้เป็นประตูทางออกที่จะไปสู่สถานี Sakuradamon ที่บอกไว้ค่ะ ตรงนี้แหละที่เห็นเขามาแข่งเดินมาราธอนกัน ทุกคนดูฟิตกันมาก ส่วนฉันเองก็ฮึดอยากเดินกับเขา แต่ก็หิวแล้วจะไปกินซูชิที่ตลาดปลา ก็เลยไปแวะถ่ายรูปทางออกของสถานีที่ว่านี้สักหน่อยจากประตูใหญ่นั้นเดินผ่านเข้าไปก็จะมาเจอประตูเล็กนี้อีกที เป็นทางออกสู่ถนน และใกล้ ๆ กับประตูนี้แหละค่ะที่เป็น Exit 3 ที่บอกไว้ภาพนี้ถ่ายจากแผนที่แถว ๆ นั้นเดินออกประตูมาได้เงาต้นไม้ใหญ่ตกลงน้ำอีกภาพกับ Exit ที่ว่าบางครั้งถ้าเรารู้สึกเหนื่อยและอยากออมแรงไว้เดิน ก็สามารถใช้ลิฟต์ขึ้นข้างบนได้ หลังจากออกจากรถไฟก็มองหาได้เลย เท่าที่ฉันสังเกตมีทุกสถานีเลยค่ะ สะดวกมาก สำหรับคนเดินทางที่มีกระเป๋าหนัก ๆ ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได สบาย ๆ ได้เลยค่ะใครจะเดินตามรอยไปเที่ยว Edo Museum ก็ไปที่สถานี Ryokoku ออก Exit A3 นะคะ ไปได้ทั้งพิพิธภัณฑ์และสนามแข่งซูโม่ฉันไป Edo Museum มาเมื่อปีที่แล้ว เคยทำรีวิวเอาไว้ ขออนุญาตแปะให้ตรงนี้ค่ะ http://pantip.com/topic/31222575 แต่รอบนี้เป็นช่วงที่เขามีการจัดแข่งซูโม่กันพอดี ฉันเลยได้ไปยืนชื่นชมนักกีฬาของชาติญี่ปุ่นกับเขาด้วยออกจากลิฟต์มาก็เดินมาทางขวาเลยค่ะ ตามทางนี้ไปสนามกีฬาซูโม่ไปถึงที่นั่นบ่ายสองนิด ๆ คือ เพิ่งทราบว่าการแข่งกีฬาซูโม่นั้น เป็นอะไรที่ชาวญี่ปุ่นตื่นตัวและตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันมาก ตั๋วเต็มทุกวัน ต้องไปยืนรอเผื่อฟลุค พอดีฉันไม่ได้อะไรมากกับกีฬาด้านการต่อสู้ จึงไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร แค่อยากถ่ายรูปแล้วเอามาเล่าให้ฟังประตูทางเข้าค่ะ คือหมดสิทธิ์เข้าไปค่ะ เพราะไม่มีตั๋ว ก็ต้องยืนสังเกตการณ์อยู่แถว ๆ ริมถนนด้านหน้า ซึ่งมิใช่แค่ฉัน คนญี่ปุ่นอีกเป็นร้อย ๆ คนก็ต้องมายืนออกันอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน ฝรั่งด้วย คงอาจมีการขายตั๋วที่ตกค้างหรือมีคนเอามาขายต่อกันบ้างเดินเลยประตูทางเข้าที่เขาเก็บตั๋วไปนิดหน่อย ก็เจอฝูงชนที่ยืนเป็นแถวรออะไรกัน เรดาร์ฉันเริ่มทำงาน มีอะไรให้ดูกันเหรอจ้ะ ขอดูด้วยคน ฮ่า ๆๆๆมองเข้าไปอีกประตูหนึ่ง คือเป็นประตูที่ซูโม่จะต้องเดินเข้าไปทางนี้เพื่อไปสนามแข่ง ขณะนั้นเวลาใกล้บ่าย 3 แล้ว คงจะทยอยกันมาเจอแล้วหนึ่งคน…เดินมาทีหนึ่งก็มีเสียงปรบมือต้อนรับกันทีหนึ่ง เหมือนดาราเลยค่ะ แต่คนนี้คงยังไม่ได้ระดับพี่ใหญ่ยืนอยู่แถวนั้นพักใหญ่ก็เห็นมาเรื่อย ๆ ทั้งเสียงปรบมือและโห่ร้องแบบมีมารยาทเป็นพัก ๆ คนไหนที่ดังหน่อยจะได้ยินเสียงต้อนรับเยอะหน่อยและคนนี้ได้ยินเสียงปรบมือดังมาก เหมือนเป็นขวัญใจเขา และเท่าที่ฉันสังเกตจะมีคนแต่งตัวซูโม่ตัวเล็กกว่าเดินตามหลัง 1-2 คน ถืออะไรมาด้วย เหมือนเป็นผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยงอะไรแบบนี้เลย (ใช่หรือเปล่า)สมควรแก่เวลา เดินทางต่อไปชินจูกุ เดินเล่นเพลิน ๆ ไปหาอะไรกิน เจอกับดัก Burger King เพราะดันติดใจ วันก่อนไปกินเมนูพิเศษที่ Asakusa เป็น Avocado Hamburger มันอร่อยใช้ได้เลยค่ะ เลยต้องจัดไปอีกครั้ง เปลี่ยนเมนูจากซูชิกับราเมนซะบ้างจัดไปหนึ่งชุด French Fries อร่อยมากอ่ะ ไปกินมา 2 สาขา อร่อยทั้ง 2 ที่ ไม่มีทอดทิ้งไว้เลย เสิร์ฟแบบทอดใหม่ ๆ ตลอด เพราะต้องถือหมายเลขโต๊ะไปรอด้วย เขายกมาเสิร์ฟหอมกลิ่นควันไฟ ผักกรอบ ซอสอร่อย ได้รับรสของความสดใหม่ชอบสำนวนการโฆษณาของ Burger Kingเสียดายไม่ได้ชิมเซตนี้ แปลกดี มีขายแค่เดือนเดียว วันที่เห็นเป็นวันที่เขาเริ่มขายเป็นวันที่สอง แต่ซัดชุดอโวคาโดไปซะแล้วคงไม่ต้องรีวิวการเดินทางไป Ueno เพราะมีรีวิวกันเยอะอยู่แล้วค่ะเดี๋ยวจะพาไปเที่ยว Disney Sea ค่ะ นั่งรถบัสจาก Tokyo Skytree เลย สะดวกสบายมากมาย การเดินทางในโตเกียวของฉันรอบนี้ได้ประสบการณ์อีกเยอะค่ะ เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อ ทั้งนั่งเรือไป Odaiba นั่งรถบัสไป Ueno และเดินเล่นจาก Tokyo Skytree ไปที่ Asakusa ระหว่างทางเจออะไรใหม่ ๆ ร้านขายของชำ ราคาถูกกว่า Convenient Store และอื่น ๆ ติดตามชมนะคะไปเที่ยวต่อกันค่ะ Tokyo Disney Sea
[Update] 7 พิกัด พาลูกเที่ยวโตเกียว เปิดโลกกว้างการเรียนรู้ที่ญี่ปุ่น!! | เที่ยว โตเกียว 7 วัน – Sonduongpaper
7 พิกัด พาลูกเที่ยวโตเกียว เปิดโลกกว้างการเรียนรู้ที่ญี่ปุ่น!!
คุณพ่อคุณแม่คนไหนกำลังวางแผน พาลูกเที่ยวช่วงปิดเทอม วันนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จะขอพาไปเปิดโลกกว้างให้กับเด็กๆ กับ 7 พิกัด ที่เที่ยวสำหรับเด็กในโตเกียว เมืองหลวงสุดทันสมัยที่ญี่ปุ่น…!! กรุงโตเกียวมีที่เที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ใช่แค่แหล่งช้อปปิ้งเท่านั้น และแน่นอนว่ามี ที่เที่ยวสำหรับเด็ก ที่แปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจ ให้เด็กๆ ได้สนุกไปพร้อมกับการเรียนรู้ รับรองว่า พาลูกเที่ยวโตเกียว ครั้งนี้ ต้องประทับใจกว่าครั้งไหนๆ แน่นอน!! ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง
1. Miraikan – National Museum of Emerging Science and Innovation
เริ่มต้น พาลูกเที่ยวโตเกียว ใครเห็นลูกมีแววเป็นนักวิทยาศาสตร์แนะนำให้ไปเที่ยวที่นี่เลยค่ะ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสมัยใหม่แห่งชาติ หรือ มิไรคัง (Miraikan) เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่จัดแสดงเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยจัดตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2001 โดยสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในย่านโอไดบะ กรุงโตเกียว เด็กๆ รวมถึงผู้ใหญ่อย่างเรา สามารถเข้ามาเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์อันทันสมัย ของเทคโนโลยีและนวัตกรรมของญี่ปุ่น ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และทดลอง รวมถึงพบกับ อาซิโม (ASIMO) หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ที่ฉลาดสุดๆ ไม่แน่ว่าการ พาลูกเที่ยว ที่นี่ อาจจุดประกายความเป็นนักวิทยาศาสตร์ในตัวเขาขึ้นมาก็เป็นได้
เวลา เปิด-ปิด : 10.00 – 17.00 น. ปิดทุกวันอังคาร และช่วงปีใหม่
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 630 เยน / เด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี) 210 เยน
วิธีการเดินทาง : รถไฟสาย Yurikamome ลงสถานี Funenokagakukan หรือสถานี Telecom Center แล้วเดินต่อประมาณ 4 – 5 นาที
แผนที่ :
2. teamLab Planets
พาลูกเที่ยวโตเกียว ไปเสริมสร้างจินตนาการกับโลกแห่งแสงสีกันที่ teamLab Planets พิพิธภัณฑ์แสดงผลงานศิลปะแบบดิจิทัล หรือที่เรียกว่า Digital Art Museum ซึ่งในโตเกียวมีอยู่ 2 แห่ง คือ teamLab Borderless ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ถาวร และ teamLab Planets ที่จะจัดแสดงถึงช่วงครึ่งปีหลัง 2020 นี้เท่านั้น ซึ่งการจัดแสดงภายในของทั้งสองที่จะมีธีมที่แตกต่างกัน แต่สำหรับ teamLab Planets จะมีความพิเศษตรงที่ให้เราได้สนุกไปกับการเดินไปตามทาง มีทั้งเดินลุยน้ำเล็กน้อย ไปจนถึงเดินบนพื้นที่เต็มไปด้วยหมอนใบใหญ่ๆ ตื่นตาตื่นใจไปกับผลงานศิลปะที่ใช้แสงไฟและกระจก เล่นเป็นสีสันต่างๆ ภายในแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ นำเสนอผลงานในธีมที่แตกต่างกัน เป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวสำหรับเด็กในโตเกียว ที่ให้ได้สนุกแบบไม่มีเบื่อเลยจ้า
เวลา เปิด-ปิด : จันทร์-พฤหัสบดี 10.00 – 19.00 น. / ศุกร์ 10.00 – 21.00 น. / เสาร์และวันก่อนวันหยุด 09.00 – 21.00 น. / อาทิตย์และวันหยุด 09.00 – 19.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิดทำการ 30 นาที)
ค่าเข้าชม : 3,200 เยน
การเดินทาง : รถไฟสถานี Shin-Toyosu Station
แผนที่ :
3. Ueno Zoo
อีกหนึ่งสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลแถมยังเดินทางไม่ยาก เหมาะแก่การ พาลูกเที่ยวโตเกียว ก็คือ สวนสัตว์ อุเอโนะ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนอุเอโนะ ที่นี่คือสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น เพราะเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของประเทศ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1882 หรือร้อยกว่าปีมาแล้ว! แต่ชาวญี่ปุ่นก็ยังนิยมมาเที่ยวที่นี่กันอยู่ เนื่องจากอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก มีสัตว์หลากหลายชนิด รวมถึงสัตว์หายาก ให้ได้พาเด็กๆ มาศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าสัตว์เหล่านี้ ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ เจ้าหมีแพนด้าตัวอ้วนกลม ใครอยากพาลูกเที่ยวที่นี่แนะนำว่าไปกันเช้าๆ หน่อยนะคะ สักประมาณ 9 โมงก็เริ่มมีคนมาต่อคิวกันแล้ว ถ้าจะให้ดีก็ไปวันธรรมมดาจะดีกว่าค่ะ จะได้ใช้เวลาดูสัตว์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
เวลา เปิด-ปิด : 09.30 – 17. 00 น. ปิดทุกวันจันทร์
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 16-64 ปี) 600 เยน / ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 300 เยน / เด็ก (อายุ 13-15 ปี) 200 เยน / เด็กเล็ก (อายุ 0-12 ปี) เข้าฟรี
วิธีการเดินทาง : รถไฟ JR สถานี Ueno ทางออก Ueno Koen เดินเข้ามาในสวนอุเอโนะประมาณ 10 – 15 นาที
แผนที่ :
4. Tokyo Disneyland
พาลูกเที่ยวโตเกียว ไปท่องโลกแห่งความสุขกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่อย่างสวนสนุก โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland) สวนสนุกที่เติมเต็มโลกแห่งจินตนาการ ด้วยการให้เด็กๆ ได้ใกล้ชิดกับตัวการ์ตูนในดวงใจ ไม่ว่าเป็น มิกกี้ มินนี่ และอีกมากมาย รวมถึงเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชายจากการ์ตูนเรื่องดัง พื้นที่ในสวนสนุกแบ่งเป็นโซนต่างๆ ซึ่งมีเครื่องเล่นมากมายตั้งแต่เครื่องเล่นเบาๆ ที่เหมาะสำหรับเด็ก ไปจนถึงเครื่องเล่นแนวแอดเวนเจอร์ที่ผู้ใหญ่ก็สนุกได้ รวมถึงยังมีขบวนพาเหรดของเหล่าตัวการ์ตูนที่จะมาร้องเล่นเต้นรำให้ชมอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้การตกแต่งในสวนสนุกก็ยังสวยงามสมจริง เหมือนหลุดเข้าไปอยู่โลกของการ์ตูนจริงๆ เลยค่ะ และอย่าลืมพาเด็กๆ ไปสวมใส่ชุดเจ้าหญิงเจ้าชายจากการ์ตูนเรื่องโปรดด้วยนะ
เวลา เปิด-เปิด : 09.00 – 22.00 น. (เวลา เปิด-ปิด อาจแตกต่างกันในแต่ละวัน เช็คได้ที่ https://www.tokyodisneyresort.jp/)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 7,500 เยน / เด็ก (อายุ 12-17 ปี) 6,500 เยน / เด็กเล็ก (อายุ 4-11 ปี) 4,900 เยน / ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 6,800 เยน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟลงที่สถานี Maihama
แผนที่ :
5. Tokyo DisneySea
ลุยกันต่อกับสวนสนุกที่อยู่ติดกันอย่าง โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) เป็นสวนสนุกจากดิสนีย์ที่มีเครื่องเล่นแนวแอดเวนเจอร์กว่าดิสนีย์แลนด์ขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังสนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยที่นี่จะมีเครื่องเล่นและการแสดงต่างๆ ที่เกี่ยวกับทะเลตามชื่อสวนสนุกเลยค่ะ ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การแสดงแสงสีเสียงและพาเหรดทางเรือกของเหล่าตัวการ์ตูนที่น่าประทับใจแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และแน่นอนว่าเด็กๆ ก็สามารถมากระทบไหล่กับตัวการ์ตูนดิสนีย์ในดวงได้ที่นี่เช่นกัน
เวลา เปิด-เปิด : 09.00 – 22.00 น. (เวลา เปิด-ปิด อาจแตกต่างกันในแต่ละวัน เช็คได้ที่ https://www.tokyodisneyresort.jp/)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 7,500 เยน / เด็ก (อายุ 12-17 ปี) 6,500 เยน / เด็กเล็ก (อายุ 4-11 ปี) 4,900 เยน / ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 6,800 เยน
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟลงที่สถานี Maihama จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Disney Resort Line ลงที่สถานี Tokyo DisneySea
แผนที่ :
6. Sanrio Puroland
ยังคง ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวสวนสนุกในโตเกียวกันต่อ คุณแม่และคุณลูกคู่ไหนเป็นสาวกซานริโอ้ต้องไป ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland) พบกับเหล่าตัวการ์ตูนแสนน่ารักจากซานริโอ้ ไม่ว่าจะเป็น Hellol Kitty, My Melody, Pompompurin, Cinnamoroll, Gudetama และอีกมากมาย ที่จะมีโชว์น่ารักๆ ให้เราได้ชม ไปสนุกกับตัวการ์ตูนในโลกสีพาสเทล และอย่าลืมแวะไปชิมอาหารแสนอร่อยที่เสิร์ฟมาเป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆ ด้วยนะ
เวลา เปิด-ปิด : 09.00 – 20.00 น. (เวลา เปิด-ปิด อาจแตกต่างกันในแต่ละวัน เช็คได้ที่ https://th.puroland.jp/)
ค่าเข้าชม :
วันธรรมดา ผู้ใหญ่ (อายุ 18-59 ปี) 3,300 เยน / เด็ก (อายุ 3-17 ปี) 2,500 เยน
วันหยุด ผู้ใหญ่ (อายุ 18-59 ปี) 3,900 เยน / เด็ก (อายุ 3-17 ปี) 2,800 เยน
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2,200 เยน ทุกวัน
การเดินทาง : จากสถานี Shinjuku ขึ้นรถไฟ Rapid KEIO Line ที่ไปยัง Hashimoto ลงที่สถานี Tama Center จากนั้นเดินต่อไปที่ KEIO Plaza Hotel Tama แล้วเลี้ยวซ้าย
แผนที่ :
7. Pokemon Center
ปิดท้าย พาลูกเที่ยวโตเกียว ใครชื่นชอบตัวการ์ตูนในเรื่องโปเกมอน มา ทัวร์ญี่ปุ่น ทั้งทีต้องไม่พลาดไปที่ โปเกมอนเซ็นเตอร์ (Pokemon Center) แหล่งรวมความน่ารักและสินค้าจากเหล่าโปเกมอน มีทั้ง วิดีโอเกม ตุ๊กตา รวมถึงสินค้าลิมิเต็ดที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งในโตเกียวก็มีโปเกมอนเซ็นเตอร์หลายสาขาเลยค่ะ พี่เห็ดขอแนะนำที่ Pokemon Center SKYTREE TOWN ที่ตั้งอยู่บน ชั้น 4 ในห้าง Solamachi บริเวณหอคอย Tokyo Skytree ที่นี่จะมีสินค้าพิเศษที่เป็นรูปโปเกมอนต่างๆ กับหอคอยโตเกียวสกายทรีด้วยนะ มาช้อปปิ้งกันได้เลยจ้า
เวลา เปิด-ปิด : 10.00 – 21.00 น.
การเดินทาง : ลงรถไฟที่สถานี Tokyo Skytree หรือ สถานี Oshiage
แผนที่ :
และนี่ก็คือที่เที่ยวสำหรับเด็กในโตเกียวที่พี่เห็ดคัดมาแนะนำ
ชอบ บทความ
มัชรูมทราเวล
ทำไงดี…?
1.กด
แชร์
ต่อ
ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก
Like
และ
ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/
Likeติดตามเราได้ที่ Facebook
—————
ทัวร์ญี่ปุ่น
Mushroom Travel มีโปรแกรมให้เลือกมากที่สุด
โทร.
02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id :
@mushroomtravel
7 พิกัด พาลูกเที่ยวโตเกียว เปิดโลกกว้างการเรียนรู้ที่ญี่ปุ่น!!
was last modified: by
txiv peb sib pab ntsia 2 daim qhov rooj vag tau lawm npaj tag kis coj mus ntsia pem qhov rooj vag
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
โตเกียวทริป หาของกินยากชิป!! | TOKYO | PAIIGUNPA!! EP.3
อีพีนี้เราได้ไปโตเกียวทาวเวอร์ และ ไปกินเนื้อย่างกันแถว Roppongi อยู่ที่โตเกียวทาวเวอร์ก็เกือบทั้งวันเพราะมีของฝากวันพีชเยอะมากกก แต่เนื่องจากบางสถานที่เขาไม่ได้ให้ถ่ายทำเลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน ก็ถ้าสนุกหรือไม่สนุกยังไงก็อย่าลืมกดซับให้ด้วยน้า555555
ติดตามข่าวสารได้ที่
Facebook | https://www.facebook.com/PAIIGUNPA
ติดต่องาน
Email | [email protected]
gunsmile
ssingss
ww.nawat
toptap_jirakit
tokyo
paiigunpa
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก !! OSAKA 3 วันเต็ม ฉบับอันแพลน!! นั่งรถไฟฟ้าเที่ยว เจอหิมะแดนคันไซ | Gatevay
เที่ยวญี่ปุ่น โอซาก้า Japan Osaka
ไปญี่ปุ่นครั้งแรก !!!
ดีใจ ตื่นเต้น สนุกมากทริปนี้ แบกเป้เที่ยวกัน 2 คนในญี่ปุ่น
ทุกอย่างในญี่ปุ่นดูเป็นเรื่องแปลกใหม่เปิดโลกสำหรับเกดมาก5555
ที่สำคัญทริปนี้นั่งรถไฟฟ้าเที่ยวทั้งทริป เดินทางสะดวกมาก
ชอบสุดคือได้เจอหิมะจริงๆครั้งแรก แบบที่ไม่ใช่ของปลอม แงเขิล
ยังไงฝากไปดูกันเยอะๆเยยน้า
กลับมาตัดเพราะคิดถึง อยากเที่ยวต่างประเทศ ฮือออ TT
โควิดไปไหนไม่ได้แบบนี้ เศร้า เซง หดหู่
ยิ่งดูยิ่งคิดถึงบรรยากาศที่ได้ไปเที่ยวแบบไม่มีแมส
ฝากทุกคนกดติดตามเป็นกำลังใจ กดไลค์ กดแชร์ให้เกดด้วยนะคะ
รายละเอียด
ถ่ายต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 63 แต่ลงสิงหาคม ปี 64 !!!
VLOG โอซาก้า 3 วันเต็มแบบชิลล์ๆ อันแพลน สนุกมาก
►FILMED \u0026 EDITED BY • Lookked (Gate Vay)
🎬 VIDEO EDITING APP • KINEMASTER
🎥 CAMERA • Iphone 11 pro
เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว ด้วยตัวเอง 7วัน7คืน| Japan | Travel with Water diamond princess
พาเที่ยวญี่ปุ่น กรุงโตเกียวและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ในเวลา 7วัน
พาชม พาชิม พาเที่ยว ไปกับ water diamond princess
เที่ยวฮอกไกโดฤดูหนาวด้วยตัวเอง 5วัน 3คืน เที่ยวญี่ปุ่น | kinyuud
เที่ยวญี่ปุ่น 🇯🇵ฮอกไกโด 5วัน 3คืน (ด้วยตัวเอง)
ใช้เงินเพียง 22,830 บาท
(รวมทุกอย่างแล้ว)
.
เที่ยวฮอกไกโดแบบจุกๆ หิมะฟินๆ❄️
ครั้งนี้กิ๊กกับมิจิบินกับ AirAsia
พักที่โรงแรม JR INN
ข้อดี:: มีออนเซ็น ใกล้สถานีรถไฟ สะดวก
.
วิธีการเดินทาง และค่าใช้จ่ายทั้งหมด
บอกแบบละเอียด ดูในคลิปได้เลยนะ😊💕
.
คลิปที่เกี่ยวข้อง
แพลนเที่ยวฮอกไกโดด้วยตัวเอง ไปลานสกี⛷
https://youtu.be/eNmrp7mkWXo
ร้านซูชิเด็ดในซัปโปะโระ
https://youtu.be/rwEyk357e10
.
ใครมีแพลนอยากเล่นสโนว์บอร์ดดูคลิปนี้เลย🏂
มือใหม่หัดเล่น เรียนสโนว์บอร์ดครั้งแรกที่ญี่ปุ่น
https://youtu.be/1vNb7TyYh7U
.
ดูคลิปใหม่ก่อนใครดูได้ที่👇🏻
FB: กินอยู่ดีเที่ยวอยู่ได้
https://www.facebook.com/KinyuuD/
.
รูปสวยๆดูได้ที่
💙IG :: KINYUUD
https://instagram.com/kinyuud?r=nametag
.
KINYUUD
กินอยู่ดีเที่ยวอยู่ได้
ญี่ปุ่น ฮอกไกโด
Hokkaido Japan
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆWiki
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เที่ยว โตเกียว 7 วัน