[Update] อยากกินรสไหน บ่งบอกอะไร? สังเกตสัญญาณร่างกายง่าย ๆ จากความหิว | อาการ อยาก กิน ของหวาน – Sonduongpaper

อยากกินของหวาน

เพื่อน ๆ ที่กำลังควบคุมอาหาร ของหวาน ๆ ดูจะเป็นอุปสรรคใหญ่เลยใช่ไหมล่ะคะ อาหารหวาน ๆ ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น เพราะไปกระตุ้นฮอร์โมนโดปามีน หลาย ๆ คนติดหวาน เพราะว่าเวลากินของหวานเข้าไปจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น หรือเวลาที่ใช้สมองทำงาน อ่านหนังสือหนัก ๆ กินของหวานแล้วจะทำให้รู้สึกสมองปลอดโปร่งขึ้น แต่อาการที่ตามมานั้นคืออาการติดหวาน หรืออาจจะเกิดเป็นโรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด บางคนพอไม่ได้กินหวานแล้วจะหงุดหงิด อาการอยากกินของหวานนั้น เกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือสมองใช้งานหนักเกินไป จนต้องการน้ำตาลไปกระตุ้น วิธีแก้อาการอยากกินของหวานที่ถูกต้องคือ การพักผ่อนให้เพียงพอ กินผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ เช่น มะพร้าว องุ่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รีค่ะ

อยากกินอาหารเค็ม ๆ

ยำ หรือส้มตำที่ใส่น้ำปลาร้าเยอะ ๆ ปลาเค็ม หรือแม้แต่เพื่อน ๆ ที่เติมเกลือ น้ำปลา หรือเครื่องปรุงรสเค็มลงไปเพิ่มในอาหารทีละเยอะ ๆ บ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาดน้ำและเกลือแร่ เพราะโซเดียมเป็นอิเล็กโทรไลต์ซึ่งช่วยนำพาประจุไฟฟ้าในร่างกาย สังเกตไหมคะว่าทำไมหลังออกกำลังกาย กินเกลือแร่เข้าไปแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้น เป็นเพราะว่าหลังออกกำลังกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปเยอะนั่นเองค่ะ แต่คนที่อยากกินอาหารเค็ม ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย วิธีการแก้อาการอยากกินเค็ม คือการกินน้ำเยอะ ๆ หรือกินอาหารที่มีเกลือแร่สูงตามธรรมชาติ เช่น บีทรูท ขึ้นฉ่ายฝรั่ง และแคร์รอต หรือเติมเกลือที่ไม่ขัดสีในอาหารแทนเกลือธรรมดา เช่น เกลือหิมาลัยสีชมพู นอกจากนั้นยังสามารถกินถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี หรือกินน้ำมะพร้าวแทนเกลือแร่ เพื่อเพิ่มอิเล็กโทรไลต์ให้ร่างกายค่ะ

อยากกินของทอด

เพื่อน ๆ หลายคนก็อาจจะชอบกินมันฝรั่งทอดกรอบ ๆ หมูทอดกรอบ ๆ ใช่ไหมล่ะคะ มันฝรั่งทอด และของที่ทอดด้วยน้ำมันนั้นมีปริมาณแคลอรีที่สูงมาก! กินเพลิน ๆ จะทำให้บวมน้ำและพุงออกโดยที่ไม่รู้ตัว อาการอยากกินของทอดนั้น บ่งบอกว่าร่างกายขาดกรดไขมันที่จำเป็น เช่น โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 สามารถทดแทนด้วยการกินไขมันดี ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า เช่น ถั่วหิมพานต์ หรือถั่วลิสงคั่วเกลือ ป๊อปคอร์นที่ไม่ปรุงรส อะโวคาโด ปลาทะเล ปลาแซลมอน เป็นต้น นอกจากจะช่วยให้หายอยากกินของทอดแล้ว ไขมันดีจะช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล HDL ช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ได้อีกด้วยค่ะ

อยากกินอาหารประเภทแป้ง

ขนมปัง เค้ก พาสต้า พิซซ่า หรืออาหารที่ทำจากแป้งขัดขาวทั้งหลาย อาจจะเป็นจานโปรดของหลายคน แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า คาร์โบไฮเดรตเหล่านี้ ล้วนเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล และเก็บไว้เป็นพลังงาน พลังงานที่ใช้ไม่หมดก็จะแปรมาเป็นพุงน้อย ๆ ของเรานั่นเองค่ะ การที่อยากกินอาหารประเภทแป้ง หมายความว่าร่างกายต้องการไนโตรเจน ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ การขาดโครเมียม หรือความเหนื่อยล้า วิธีการแก้ความอยากอาหารประเภทแป้งคือ การเพิ่มอาหารประเภทไฟเบอร์ และกินผัก ผลไม้ที่มีโครเมียมและแมกนีเซียม เช่น กล้วย ผักโขม อะโวคาโด แอปเปิล บรอกโคลี ขึ้นฉ่าย กินอาหารที่มีไนโตรเจนสูงเช่นถั่วและอาหารทะเล จะช่วยลดอาการอยากกินอาหารประเภทแป้งได้ค่ะ 

อยากกินช็อกโกแลต

ช่วงมีประจำเดือนหรือช่วงเครียด ๆ ช็อกโกแลตถือว่าเป็นอาหารที่เหมาะมาก ๆ ค่ะ เพราะมีสารที่ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุข แต่ถ้าไม่ใช่เพศหญิง การที่อยากกินช็อกโกแลตบ่งบอกว่าร่างกายขาดแมกนีเซียม วิตามินบี หรือกรดไขมันจำเป็น แต่การที่กินช็อกโกแลตที่ใส่น้ำตาลและนมเยอะ ๆ จะทำให้เกิดอาการติดหวานมากกว่าเดิม ถ้าเลือกได้ ควรกินดาร์คช็อกโกแลต 70% ขึ้นไป หรือกินผักใบเขียว อัลมอนด์ และถั่วดำ เพื่อเพิ่มแมกนีเซียมและวิตามินที่จำเป็นให้กับร่างกายค่ะ

อยากกินกาแฟ

เพื่อน ๆ ที่กินกาแฟวันละไม่เกิน 2-3 แก้ว ถือว่าปกติค่ะ แต่เพื่อน ๆ ที่อยากกินมากกว่าปกติ ถือว่าร่างกายส่งสัญญาณเตือนแล้วว่ากำลังขาดฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ซึ่งอาหารที่เพื่อน ๆ ควรกิน คือ ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว เนื้อแดง คีนัว เต้าหู้ และบรอกโคลี เพราะผักใบเขียวที่มีวิตามินจำเป็น ช่วยดูดซึมฟอสฟอรัสได้ ช่วยทำให้ลดความอยากกาแฟ และทำให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องกินกาแฟเกินปริมาณที่จำเป็นต่อวันด้วยค่ะ 

อยากกินเนื้อสัตว์

จริง ๆ แล้ว โปรตีนหรือเนื้อสัตว์ เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เพื่อน ๆ ที่อยากกินชาบู เนื้อ หรือหมูกระทะมากกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายขาดโปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามินบี 12 ค่ะ วิธีแก้อาการอยากกินเนื้อสัตว์คือเสริมวิตามินและโปรตีนให้ร่างกาย ด้วยถั่ว เต้าหู้ ผักใบเขียว หรือไม่ก็กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเช่น อาหารทะเล สาหร่าย เพื่อลดอาการอยากกินเนื้อสัตว์ได้ค่ะ 

อยากกินชีสหรือผลิตภัณฑ์จากนม

ไม่ว่าจะชีสยืด ๆ ไอศกรีมที่ทำจากนม หรือแม้แต่อาการอยากกินนมจืด ผลิตภัณฑ์สำหรับนมนั้น ดีต่อร่างกายอยู่แล้ว แต่การที่อยากกินมากกว่าผิดปกติ บ่งบอกว่าร่างกายต้องการไขมันดี และต้องการวิตามินเอ วิตามินดี เพื่อน ๆ ที่กำลังลดน้ำหนัก สามารถเลือกกินชีสที่มีไขมันต่ำและโซเดียมต่ำแทนชีสแบบปกติได้ นอกจากชีสและนมแล้ว ก็ยังสามารถเลือกกินอะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปลา หรือเนื้อปลาทะเลที่อุดมไปด้วยไขมัน ลดอาการอยากอาหารและยังเพิ่มวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายได้อีกด้วย

อยากกินอะไรที่ไม่ใช่อาหาร

เพื่อน ๆ ที่อยากกินอะไรที่ไม่ใช่อาหาร อยากกินอะไรแปลก ๆ เช่น น้ำแข็ง ไข่มุก ดิน เหรียญ ชอล์ก กระดาษ เส้นผม เศษแก้ว ฟังแล้วเพื่อนหลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกว่าบ้า หรือถ้าเพื่อน ๆ เจอคนที่มีอาการแบบนี้ไม่ต้องแปลกใจหรือคิดว่าผีเข้านะคะ อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะกับคนท้อง มีชื่อเรียกว่า “Pica” หรืออาการ “Pica Syndrome” และมักจะเชื่อมโยงกับการขาดธาตุเหล็กหรือการขาดแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย วิธีแก้อาการเหล่านี้คือการรับประทานผักใบเขียว พืชตระกูลถั่ว แต่ถ้าเพื่อน ๆ ที่มีอาการหนัก ก็อาจจะต้องไปปรึกษาแพทย์ค่ะ

สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักลืมไป คือ เมื่อเราเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สิ่งที่สำคัญอีกอย่างในการรักษาคือเรื่องอาหาร ผู้ป่วยบางคนเริ่มติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังมีพฤติกรรมการกินในลักษณะเดิม เช่น รสจัด ของมัน ของทอด ซึ่งของอร่อยเหล่านี้ มักทำให้อาการโควิด-19 แย่ลง วันนี้ TrueID จึงรวบรวมอาหารที่ควรและไม่ควรรับประทานช่วงติดโควิดมาฝาก

 

 

นพ.วินัย โบเวจา อายุรแพทย์ คลินิกอายุรกรรมโรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤติทางเดินหายใจ ผู้ดูแลเพจ หมอโรคปอด และทางเดินหายใจ: หมอวินัย และเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ที่ประกอบด้วย แพทย์ติดเชื้อ ทีมเจ้าหน้าที่พยาบาลที่รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้อัดคลิปแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ เมื่อเราป่วยโควิด อาหารที่ต้องระวัง และใส่ใจเป็นพิเศษมีอะไรบ้าง สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ที่บ้าน (Home Isolation) หรือกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม

 

 

 

นพ.วินัย โบเวจา ระบุว่า จะเลือกอาหารให้ผู้ป่วยโควิด-19 ทาน หรือต้องสั่งอาหารทานเอง ควรคำนึงถึงความเสี่ยงต่ออาการโควิดด้วย ดั่งประโยคที่ว่า “You are what you eat” กินอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นการเลือกอาหารจึงจำเป็นมากในการรักษาอาการให้คงที่ เพื่อให้ผู้ป่วยโควิดได้รับแต่สิ่งที่มีประโยชน์เข้าร่างกายในช่วงที่ติดเชื้อ

 

 

ปัจจัยในการเลือกอาหารให้ผู้ป่วยโควิดรับประทาน 

1.อาหารที่กินต้องไม่ทำให้อาการแย่ลง ไม่เพิ่มอาการเจ็บป่วย

2.อาหารที่กินต้องไม่เพิ่มโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อน

3.อาหารที่กินต้องไม่เพิ่มโรคให้แก่ร่างกาย

 

 

อาหารที่ไม่ควรกินช่วงป่วยโควิดเด็ดขาด!

1.เครื่องดื่มปั่น มีรสหวาน น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ กาแฟ ชานมไข่มุก เพราะมีผลส่งถึงระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีเสมหะและน้ำมูกเพิ่มขึ้น

 

2.อาหารรสจัด อาหารทอด อาหารมัน เพราะจะทำให้รู้สึกคันคอ ฝาดคอ และเพิ่มอาการไอ เช่น ข้าวผัด กะเพราไข่ดาว ผัดพริกแกง

 

3.ขนมกินเล่น เช่น ขนมถุง ไก่ทอด เฟรนซ์ฟราย ชีส

 

4.อาหารที่ย่อยยาก เพราะจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอม เช่น เครื่องใน อาหารปิ้งย่าง เนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว

 

5.อาหารประเภทของหมักของดอง ไม่ได้ปรุงสุก เช่น ส้มตำปูปลาร้า ผลไม้ดอง กุ้งดอง

 

6.อาหารที่เพิ่มโรคแทรกซ้อน เช่น ผู้ป่วยโควิดมีโรคประจำตัวเป็นโรคเก๊าท์แล้วรับประทานไก่ อาจเพิ่มเจ็บป่วยเพิ่มได้ และทำให้อาการโควิด-19 แย่ลง

 

7.ไม่รับประทานอาหารค้างคืน

 

 

นอกจากนั้นอาหารที่ควรเลี่ยง คือ อาหารที่คนขายสัมผัสแล้วไม่ผ่านความร้อน หรืออาหารที่ต้องสัมผัสจากมือ หรือใช้ภาชนะซ้ำๆ เช่น หั่นบนเขียงซ้ำๆ ใช้กะละมังผสมซ้ำๆ โดยอาหารที่แนะนำให้ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวหลอด ปอเปี๊ยะสด ส้มตำ ยำต่างๆ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวย สลัดผัก บุฟเฟ่ต์ ผลไม้หั่นชิ้น

 

 

ซึ่งนพ.วินัย โบเวจา เพิ่มเติมว่า อาหารที่ควรรับประทานช่วงที่ร่างกายป่วยโควิด คล้ายกับการรับประทานอาหารเมื่อป่วยโรคทั่วไป คือ ควรกินปริมาณน้อยๆ แต่เน้นกินบ่อยๆ เลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊ก หากอยากดื่มน้ำหวาน ให้เลือกเป็นน้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำขิง และควรดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องเยอะๆ 

 

 

 

 

แต่ถ้าไม่อยากกินอาหารจำเจ รสชาติจืด ไม่มีสีสัน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ 7 เมนูให้คุณค่าทางโภชนาการ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินดีและธาตุเหล็ก ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน ลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

 

 

 

7 เมนู เสริมภูมิคุ้มกันต้านโควิด-19 

เมนูที่ 1 ไข่ยัดไส้ กินมะเขือเทศและแครอทให้ได้อย่างละ ½ ทัพพี จะได้รับวิตามินซี 42 เปอร์เซ็นต์ และวิตามินเอ 43 เปอร์เซ็นต์ 

 

เมนูที่ 2 ต้มเลือดหมู กินผักกาดหอม ½ ทัพพี ตับหมู 1 ช้อนโต๊ะ เลือดหมู 1 ชิ้นและหมูสับ 1 ช้อนโต๊ะ จะได้รับธาตุเหล็ก 45 เปอร์เซ็นต์ 

 

เมนูที่ 3 ต้มยำปลาทู มีมะเขือเทศและน้ำมะนาวเป็นส่วนประกอบ จะได้รับวิตามินซี 42 เปอร์เซ็นต์  

 

เมนูที่ 4 ต้มจืดตำลึงเต้าหู้ไข่ มีส่วนผสมของแครอท ½ ทัพพี และตำลึง 2 ทัพพี จะได้รับวิตามินเอ 42 เปอร์เซ็นต์  

 

เมนูที่ 5  ปลานึ่งขิง หากใช้ปลาทับทิมเป็นส่วนประกอบ จะได้รับวิตามินดี 20 เปอร์เซ็นต์  

 

เมนูที่ 6   ปลาผัดเปรี้ยวหวาน มีส่วนผสมของมะเขือเทศ ½ ทัพพีและพริกหวาน 1 ลูก จะได้รับวิตามินซีเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย 

 

เมนูที่ 7 ข้าวผัดหอยลาย มีส่วนผสมของเนื้อหอยลาย ได้รับธาตุเหล็ก 33 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน

 

 

การปรุงประกอบอาหาร ควรเลือกวัตถุดิบที่สด สะอาด และปรุงอาหารให้สุกใหม่ทุกครั้ง ลดกินหวาน  มัน เค็ม นอกจากนี้ ควรมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมเพื่อเผาผลาญพลังงานในแต่ละวัน เช่น ทำงานบ้าน เต้นแอโรบิกในบ้าน หรือมีกิจกรรมผ่อนคลายเพื่อลดภาวะเครียด

 

 

 

ข้อมูลจาก กรมอนามัย , โรคปอดและทางเดินหายใจ หมอวินัยโบเวจา 
ภาพจาก Hfocus

 

 

 

 

——————–

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ

รู้ทันกันโควิด

คลิกเลย!! >>><<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง