เที่ยว ปารีส: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
ทริปนี้เป็นหนึ่งในซีรีย์ 17 วันเที่ยวยุโรป 5 ประเทศ เป็นการเดินทางหลังเรียนจบ Health Informatics จากสวีเดนของผมเองครับ โดยปารีสเป็นเมืองแรกที่ผมไป ผมเดินทางวันที่ 7 ส.ค. 61 ไปถึงปารีสตอนเย็น ๆ จากนั้นอยู่ปารีสถึงวันที่ 11 ส.ค. จึงเดินทางต่อไปยังบรัสเซลส์ครับ
ความคิดเห็นต่อปารีสโดยรวม
- หลังจบทริป ผมมีความรู้สึกทั้งบวกและลบต่อเมืองนี้ ความรู้สึกในแง่บวกก็คือเป็นเมืองที่สวยมาก ๆ นะครับ แค่ถนนหนทาง อาคารบ้านเรือนทั่ว ๆ ไปก็มีความอลังการเหนือเมืองอื่น ๆ ที่ผมเคยเห็นมา สิ่งก่อสร้างที่เป็น landmark ของเมืองยิ่งอลังการมาก ๆ มากแบบสต็อกโฮล์มกลายเป็นเมืองเล็ก ๆ ไปเลย ทำให้รู้สึกว่าสมัยก่อนฝรั่งเศสนี่คงยิ่งใหญ่พอควร
- ปารีสเป็นศูนย์กลางความเจริญของภูมิภาคนี้มายาวนาน ศิลปวัฒนธรรม อาหารการกิน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย การเมืองการปกครอง ฯลฯ ปารีสล้วนเป็นผู้นำเรื่องเหล่านี้ คนที่ศึกษาประวัติศาสตร์ หรือมีความสนใจในเรื่องดังกล่าวข้างต้น จึงมีความอินเป็นพิเศษเมื่อมาอยู่ที่ปารีส
- แต่เนื่องจากความเจริญดังกล่าว ผู้คนมากมายจึงหลั่งไหลเข้ามา ทั้งชาวฝรั่งเศสเอง ผู้อพยพ รวมไปถึงนักท่องเที่ยว ซึ่งมันก็ส่งผลต่อเมือง ทำให้เมืองมีความหนาแน่นแออัด สกปรก (มีกลิ่นฉี่เป็นระยะ) สาธารณูปโภคต่าง ๆ ไม่สามารถบำรุงรักษาให้ทันความเสื่อมได้ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือรถไฟใต้ดินซึ่งเก่า สกปรก เสียงดัง และไม่มีแอร์ (มีคันใหม่มาบ้าง แต่ไม่เยอะถ้าเทียบกับเมืองอื่น)
- นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้ามาในเมือง จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวทุกอย่างเต็มไปด้วยคิว ผมรอเข้านอเทรอดาม 1 ชม. แวร์ซายล์ 2 ชม. นี่คือแค่รอเข้าเฉย ๆ นะครับ คือเข้าไปถึงได้ก็เหนื่อยแล้ว พอเข้าไปยังเจอมวลมหานักท่องเที่ยวอย่างแออัด ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้ดีมาก แม้สถานที่นั่นจะสวยงามเพียงใด
- และเนื่องจากความยิ่งใหญ่อลังการของสถานที่ต่าง ๆ เวลาไปไหนเราจะต้องเดินค่อนข้างไกล ทำให้เหนื่อย อีกอย่างคือพอเห็นความอลังการเข้าเยอะ ๆ มันก็มีความรู้สึกล้นบางอย่าง เหมือนกินบุฟเฟต์น่ะครับ อิ่มแล้ว กินอีกก็ไม่ได้อร่อยเท่าไหร่แล้ว
- แต่โดยรวม ผมก็ยังรู้สึกว่าปารีสเป็นเมืองที่ควรมาสัมผัสซักครั้งนะครับ และผมเชื่อว่าการใช้เวลาในปารีสแค่ 3 วันของผม แถมยังไปแต่สถานที่ท่องเที่ยวดัง ๆ คงไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจเมืองนี้แต่อย่างใด ไว้มีโอกาสมาเยื่อนใหม่ครับ
.
ทิปเล็กทิปน้อย
- ถ้ามาเที่ยวสั้น ๆ และอยากเน้นเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ แนะนำอย่างยิ่งให้ซื้อ Paris Museum Pass นะครับ เดี๋ยวอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไปครับ
- แม้เราจะมี Pass แต่ไม่ควรใช้ Pass นั้นในการไปแวร์ซายครับ เพราะเราเสียเวลาเดินทางไปเยอะ และ Pass ไม่สามารถให้เราลัดคิวเข้าได้ถ้าไม่ใช่ช่วยเปิดใหม่ ๆ (ผมไปถึง 10 โมงก็หมดสิทธิ์ลัดคิวแล้ว) เราจะเสียไปเลยเกือบวันกับแวร์ซาย ดังนั้นผมแนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์พร้อมสิทธิ์ลัดคิวจากทางวังโดยตรงไปเลยครับ เอา Passไปใช้วันอื่น
- เรื่อง Visite Pass จะมีแวร์ซายและสนามบิน (ทั้ง CDG และ Orly) ที่จะไม่อยู่ในโซน 1-3 ซึ่งเราต้องซื้อตั๋วแยกถ้าจะไปพวกนี้
- พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์และพระราชวังแวร์ซาย มี Audioguide app ให้ดาวน์โหลดครับ ฟังประกอบการเที่ยวก็ช่วยให้เราเที่ยวได้สนุกขึ้น
- Google Maps หลาย ๆ ทีก็ toxic โดยเฉพาะการบอกว่าต้องลงที่สถานีใดจึงจะใกล้ที่สุด ที่ผมโดนมีสองที่คือ มหาวิหารซาเคร-เกอร์และปอมปิดูเซ็นเตอร์
- ปารีสเป็นเมืองที่มิจฉาชีพเยอะ อ่านพวกกลโกงพวกนี้จากในเน็ตไว้ก็ดีครับ ผมเจอกับตัวหลายอันเลย
.
Paris Museum Pass
ถ้ามาเที่ยวสั้น ๆ และอยากเน้นเก็บสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ แนะนำอย่างยิ่งให้ซื้อ Paris Museum Pass นะครับ คือมันจะชวนสับสนนิดนึงเพราะมี Paris Pass กับ Paris Museum Pass ผมเองซื้ออย่างแรกไป แต่ผมรู้สึกว่าผมควรจะซื้ออย่างหลัง
Paris Pass มันคือการจัดชุดของ 1) ParisMuseum Pass 2) Paris Attraction Pass 3) Paris Visite Pass (ก็คือเดินทาง unlimited ภายในโซน 1-3 ซึ่งก็เป็นโซนที่เราจะไปหลัก ๆ) ซึ่งสถานที่ที่เราอยากไปหลัก ๆ ประมาณ 90% มันอยู่ใน Museum Pass ครับ แต่ปัญหาก็คือถ้าเราซื้อ Paris Pass แบบ 3 วัน เราจะได้ Museum Pass มาแค่ 2 วัน (เพราะ Museum Pass มันมีแค่แบบ 2, 4, 6 วัน) ดังนั้นจะมี 1 วันที่เราไม่ค่อยได้ใช้ Pass หรือไม่ก็ใช้ให้มันหมด ๆ ทำให้ผมรู้สึกว่า ไหน ๆ Attraction Pass มันก็ไม่ค่อยได้ใช้ แทนที่เราจะซื้อ Paris Pass 3 วันราคา 165 ยูโร เราซื้อ Museum Pass 2 วัน ราคา 48 ยูโร กับ Visite Pass 3 วันราคา 26.65 ยูโร รวมเป็น 74.65 ยูโร ประหยัดไปได้ 90.35 ยูโร
อธิบายเพิ่มเติมคือ ตลอดทั้งทริปผมใช้ Attraction Pass เพียง 3 ครั้งเท่านั้นเองครับ คือ1) ตอนไปชิมไวน์ที่ Les Caves du Louvre 2) ตอนขึ้นตึก Montparnasse และ 3) ขึ้นรถ Hop-On Hop-Off ที่ผมว่าจำเป็นจริง ๆ ก็มีแค่ 2) นี่แหละครับ ซึ่งไปซื้อเอาหน้าตึกก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี ลองเช็คดูในเว็บไซต์เขาได้ครับว่ามีอะไรที่เราอยากไปแต่ต้องใช้ Attraction Pass เท่านั้นหรือเปล่า
ข้อดีของ Museum Pass อีกอย่างคือมักให้เรามีสิทธิ์ลัดคิวได้ในหลาย ๆ สถานที่ ซึ่งประหยัดเวลาเราไปได้เยอะ อย่างพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นี่ถ้าไม่มี Pass ก็คงได้รอเป็นชั่วโมงเหมือนกัน ข้อควรระวังคือ Pass พวกนี้ไม่ได้นับเป็นชั่วโมงเหมือนเมืองอื่น ๆ แต่ดันนับเป็นวัน ดังนั้นถ้าเราเปิดใช้ Pass ตอน 5 ทุ่ม พอถึงเที่ยงคืนก็คือถือว่าเราใช้ไปแล้วหนี่งวันเรียบร้อย ต้องวางแผนดี ๆ ครับ
ต่อไปก็จะเริ่มแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ที่ผมไปมาในแต่ละวันนะครับ
.
7 ส.ค. 2561: ไปถึงปารีส และมหาวิหารซาเคร-เกอร์
ผมเดินทางด้วยสายการบิน AirFrance จากสต็อกโฮล์ม โดยรวมก็ประทับใจดีนะครับ มีพิซซ่าเบา ๆ เสิร์ฟกับเครื่องดื่มบนเครื่อง ไปถึงปารีสช่วงบ่ายแก่ ๆ จำได้ว่าวันนั้นอากาศร้อนมาก ๆ นั่งรถไฟ RER B จากสนามบิน CDG เข้าไปถึงโรงแรม รถไฟแน่นมากและไม่มีแอร์ นับเป็น first impression ที่ไม่ได้ดีนัก 😅
ในปารีสนี้ผมพักที่โฮสเทล Generator Paris ส่วนตัวคิดว่าเป็นโฮสเทลที่ดีได้มาตรฐานครับ อาคารใหม่สะอาด เตียงนอนมีปลั๊กไฟให้ มีม่านกั้นเป็นส่วนตัวพอสมควร ห้องน้ำรวมมีเพียงพอกับจำนวนแขก โฮสเทลมีร้านอาหารและบาร์ อาหารเช้าราคาและคุณภาพก็โอเคครับ มีวันนึงผมเปิด padlock แบบใส่รหัสที่ตัวเองใช้ล็อคช่องเก็บของไม่ได้ตอน 5 ทุ่ม เขาก็มีบริการตัด padlock ให้ด้วย
เมื่อเก็บของเข้าโรงแรมเรียบร้อย ก็เข้าเมืองไปเอา Paris Pass ที่ผมซื้อไว้ครับ ผมซื้อออนไลน์แต่เลือกไปรับด้วยตนเอง ไปถึงคิวยาวมาก แอบลุ้นเพราะเห็นบอกว่าปิด 6 โมงครึ่ง สุดท้ายเขาก็เลื่อนเวลาปิดและผมก็ได้ Pass มา (แต่ยังไม่ใช้ รอใช้วันถัดไป)
เดินเล่นไปแถว ๆ นั้น เจอ Palais Royal มีงาน art installation Les Deux Plateaux ของ Daniel Buren คนไปเล่นกันเยอะเลยครับ
.
มหาวิหารซาเคร-เกอร์ (The Basilica of the Sacred Heart of Paris, Sacré-Cœur)
หลังจากนั้นผมก็เดินทางไปยังมหาวิหารซาเคร-เกอร์ (The Basilica of the Sacred Heart of Paris, Sacré-Cœur) ไปถึงก็สองทุ่มกว่า ๆ แล้ว จริง ๆ ย่านมงมาร์ตนี่ผมว่าน่าสนใจนะครับ มีศิลปินมาวาดภาพเหมือนเยอะเลย เสียดายไม่มีเวลาดู
ไปถึงได้ไม่นานก็ตะวันตกดิน ที่เห็นคนอยู่บันไดเยอะ ๆ นี่ก็คือมารอดูพระอาทิตย์ตกกันนี่แหละครับ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่เป็นที่นิยมของปารีส
มหาวิหารนี้เข้าชมฟรีครับ แต่ต้องให้เขาตรวจกระเป๋าก่อนถึงเข้าได้ เข้ามาข้างในแล้วก็สวยดีครับ แต่ว่าคนเยอะมาก
ชมวิวเมืองปารีสจากมหาวิหารซาเคร-เกอร์
อันนี้ถ่ายจากโฮสเทลผมเองครับ มหาวิหารตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นได้จากหลายแห่งในปารีส
.
8 ส.ค. 2561: นอเทรอดาม / แซ็งต์-ชาแปล / แพนธีออน / ชิมไวน์ / ลูฟวร์
มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame Cathedral)
เริ่มวันด้วยการไปที่มหาวิหารนอเทรอดาม (Notre Dame Cathedral) มหาวิหารชื่อดังที่ใครมาปารีสก็คงต้องมาเยือน (แต่เข้าไปข้างในหรือเปล่านี่อยู่ที่ว่าจะทนรอไหวไหม) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 มหาวิหารนี้เข้าชมฟรี แต่ต้องผ่านการตรวจกระเป๋าก่อน ซึ่งถ้าไปถึงช่วง 11 โมงแบบผมนี่ กว่าจะได้เข้าก็เป็นชั่วโมงเลยครับ
ลองดูมวลมหานักท่องเที่ยวที่รอเข้าชมครับ
แต่เป็นโบสถ์ที่สวยดีนะครับ
จริง ๆ รายละเอียดทุกอย่างมีเรื่องราวอยู่ในนั้น แต่ผมลืมหมดแล้ว
ภายในมหาวิหารครับ มีความขลังบางอย่าง
กำลังมีพิธีบางอย่างอยู่วันนั้น
.
โบสถ์น้อยแซ็งต์-ชาแปล (Sainte-Chapelle)
ไม่ไกลจากนอเทรอดามก็จะเป็นโบสถ์น้อยแซ็งต์-ชาแปล (Sainte-Chapelle) เป็นชาเปลโรมันคาทอลิกเก่าแก่เช่นกัน สร้างในศตวรรษที่ 13 เป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่งานกระจกสี (Stained glass) ใบใหญ่สูง 15 เมตร จำนวน 15 ใบ ภาพในกระจกเล่าเรื่องราวภายในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่
ค่าเข้าชม 10 ยูโร แต่มี Museum Pass เข้าฟรีครับ
เพดานของชาเปลชั้นล่าง สวยงามครับ
ขึ้นบันไดมาจะเจอกับชาเปลชั้นบน สวยงามมาก ๆ ครับ
อีกมุมหนึ่ง
.
Conciergerie
เดินออกมาจากชาเปล เจอ Conciergerie ก็เลยแวะซะหน่อยครับ เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลาง เดิมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง แต่ต่อมามีการย้ายวัง ที่นี่จึงกลายเป็นที่อยู่ของผู้ดูแลพระราชวังแทนพระองค์ (Concierge) และได้ปรับให้ใช้เป็นคุกในเวลาต่อมา โดยเฉพาะช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสที่คณะปฏิวัติใช้เป็นที่คุมขังและรอการประหารชีวิตของนักโทษกว่า 40,000 คน หนึ่งในนั้นคือพระนางมารี อ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) ราชินีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ค่าเข้าชม 9 ยูโร แต่มี Museum Pass เข้าฟรีครับ
ชั้่นล่างของ Conciergerie ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าทำไมถึงทำเป็นทางน้ำไหลแบบในภาพ
เหมือนจะเป็นห้องผู้คุม
มองจากภายนอกก็เป็นอาคารที่สวยดีครับ สมกับเป็นวังมาก่อน
.
แพนธีออน (Panthéon)
หลังจากนั้นก็ไปต่อกันที่แพนธีออน (Panthéon) เป็นอาคารนีโอคลาสสิกที่สร้างตามแพนธีออนในโรม จริง ๆ ตอนแรกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นโบสถ์ของคริสตศาสนา แต่ต่อมาในยุคปฏิวัติฝรั่งเศสได้รับการเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ฝังศพบุคคลสำคัญของฝรั่งเศส ตัวอย่างบุคคลที่ได้รับการฝังที่นี่ก็เช่น Voltaire, Jean-Jacques Rousseau, Victor Hugo, Marie และ Pierre Curie
ค่าเข้าชม 9 ยูโร แต่มี Museum Pass เข้าฟรีครับ
แพนธีออน มองจากภายนอก
ข้างในสวยโอ่อ่าอลังการมากครับ
มีจิตรและประติมากรรมมากมายในนั้น ผมไม่ได้ดูรายละเอียดทั้งหมด แต่หลาย ๆ ชิ้นเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ และการปฏิวัติ
รูปปั้นนี้เด่นที่สุดแล้วครับ ตรงกลางคือ Marianne (สัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส เราจะเห็นเธอได้ในงานหลาย ๆ ชิ้น) ทหาร และคณะ National Convention
รูปปั้นและที่ฝังศพของ Voltaire
.
ชิมไวน์ที่ Les Caves du Louvre
Les Caves du Louvre แต่เดิมเป็นที่เก็บไวน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 มีทางใต้ดินส่งไวน์เข้าไปยังพระราชวังลูฟวร์ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับไวน์ในฝรั่งเศส ผมได้เข้าร่วมไกด์ทัวร์ของเขา เขาก็จะอธิบายเรื่องทำไมไวน์จากที่ต่าง ๆ ถึงมีรสชาติต่างกัน และมีไวน์ให้ชิม 3 แก้ว ส่วนตัวก็คิดว่าโอเคนะครับ ถ้าคนที่อินกับไวน์น่าจะชอบ
ค่าเข้าร่วมทัวร์ 32 ยูโร แต่มี Attraction Pass เข้าร่วมฟรีครับ (ต้องนัดก่อน) ที่นี่เป็นที่แรกที่ผมได้ใช้ Attraction Pass
ห้องหนึ่งในนั้นครับ อธิบายเรื่องสีขวดไวน์
.
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre)
และก็มาถึงไฮไลท์ของวันนี้ครับ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นั้นเดิมเคยเป็นพระราชวังมาก่อน ต่อมาหลังผ่านอะไรมามากมาย ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดและมีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก มีงานศิลปะทั้งจิตรกรรมและประติมากรรมจากพื้นที่ต่าง ๆ ในโลกเก็บสะสมอยู่กว่า 30,000 ชิ้น
คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการมาลูฟวร์นะครับ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์นั้นใหญ่มาก ๆ มากระดับที่ว่าถ้าค่อย ๆ ดูงานทีละชิ้นไปเรื่อย ๆ นี่ผมว่ามีเวลาทั้งวันก็ไม่พอ ดังนั้นแนะนำว่าให้วางแผนมาก่อนว่าจะมาดูอะไรที่ลูฟวร์บ้าง และก็ดูไปตามนั้น ที่เหลือก็ดูผ่าน ๆ ทางพิพิธภัณฑ์มี Audioguide app ให้เราโหลดได้ฟรีครับ (แต่เสียเงินค่า in-app purchase ไกด์) ก็ฟังไปตามนั้น
สำหรับผู้ที่ไม่มี Museum Pass มีคนแนะนำว่าอย่าไปเข้าตรงพิระมิดกระจก เพราะคิวจะยาวมาก ให้ไปเข้าอีกทาง ผมไม่เห็นเหมือนกันครับว่าอยู่ตรงไหน แต่เป็นทิปนำมาฝากกันครับ
ค่าเข้าชม 15 ยูโร แต่มี Museum Pass เข้าฟรีครับ
อาคารมีหลัก ๆ สามปีก (Wings) ในภาพนี้คือถ่ายปีกหนึ่งจากอีกปีกหนึ่ง จะเห็นว่าแค่ปีกเดียวก็ใหญ่มาก ๆ แล้วครับ
พีระมิดแก้วแห่งลูฟวร์ ยามเย็น
แม้เลยเวลาพิพิธภัณฑ์ปิดไปแล้ว ผู้คนจะยังวนเวียนรอบ ๆ พีระมิดแก้วเพื่อถ่ายรูป ท่ายอดฮิตคือยืนบนแท่นแล้วทำอะไรบางอย่างกับยอดพีระมิด
บรรยากาศภายในลูฟวร์ งานสวย ๆ เยอะมาก ๆ แล้วมีห้องแบบนี้หลาย ๆ ห้อง
บรรยากาศภายในลูฟวร์
เหล่าฝูงชนที่มารอชื่นชมโมนาลิซา (Mona Lisa) น่าจะเป็นภาพที่ popular ที่สุดแล้วในลูฟวร์
ภาพนี้คือภาพที่ผมชอบที่สุด Liberty Leading the People โดย Eugène Delacroix ดูแล้วมีความฮึกเหิมบางอย่าง
The Coronation of Napoleon โดย Jacques-Louis David ภาพนี้ก็มีเรื่องราวที่สนุกดีครับ
The Victory of Samothrace
อันนี้เป็นเพดานห้อง The Galerie d’Apollon ซึ่งผมว่าสวยมาก ๆ
The Valpinçon Bather โดย Jean Auguste Dominique Ingres
The Story of Alexander โดย Charles Le Brun
The Cheat with the Ace of Diamonds โดย Georges de La Tour
.
9 ส.ค. 2561: แวร์ซาย / ปอมปิดูเซ็นเตอร์
พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles)
พระราชวังแวร์ซายสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฝรั่งเศสเจริญรุ่งเรืองมาก (ก่อนจะประสบปัญหาเศรษฐกิจจากหลายปัจจัยจนนำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อยากได้วังที่หลีกหลีความแออัดของปารีสและใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองของพระองค์ จึงได้สร้างวังขึ้นมา ต่อมาหลังการปฏิวัติ จักรพรรดินโปเลียนเองก็มาพักที่วังแห่งนี้เหมือนกัน จนมาเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในปัจจุบัน
เป็นวังที่มีความอลังการงานสร้างมาก มีความวิจิตรอลังการในทุกส่วน มีภาพเขียนประดับในทุกห้อง ทางวังมี Audioguide app ให้ดาวน์โหลดได้ฟรีเช่นกัน
ค่าเข้าชม 20 ยูโร แต่มี Museum Pass เข้าฟรีครับ (แวร์ซายมีตั๋วหลายประเภทมาสำหรับการเข้าชมแบบต่าง ๆ ลองดูรายละเอียดในเว็บไซต์ครับ)
พระตำหนักหลัก วันนั้นฝนตกปรอย ๆ อากาศหนาวนิด ๆ ยืนรอเข้าชมจากข้างนอกอยู่ 2 ชม.
ทุกห้องก็เป็นคล้าย ๆ แบบนี้ครับ สวยทุกห้อง มีเรื่องราวทุกห้อง
อันนี้เหมือนจะเป็น Mars Salon ห้องฉลองชัยชนะจากสงคราม
เพดานของ Apollo Salon
Hall of Mirrors สมัยนั้นกระจกเป็นสิ่งที่มีราคาแพง การสร้างห้องที่เต็มไปด้วยกระจกแบบนี้จึงเป็นการบ่งบอกฐานะ
Hall of Mirrors ยังเป็นห้องที่ใช้เซ็นต์สัญญาสงบศึกของสงครามโลกครั้งที่ 1
สวยดีครับ
Museum of the History of France รวบรวมภาพเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยก่อตั้งชาติ
นอกจากตำหนักหลักแล้ว วังยังมีตำหนักย่อย ๆ อีกหลายแห่ง และมีสวนที่ใหญ่มาก ๆ ผมไม่ได้ดูละเอียดเหมือนกันครับเพราะต้องกลับแล้ว
.
ปอมปิดูเซ็นเตอร์ (Centre Georges Pompidou)
ปอมปิดูเซ็นเตอร์เป็นอาคารที่มีหลาย ๆ หน่วยงานอยู่ในนั้น แต่ที่ได้รับความสนใจที่สุดน่าจะเป็น Musée National d’Art Moderne หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติ อาคารแห่งนี้สร้างในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ปอมปิดู ซึ่งเป็นผู้ที่สนใจในศิลปะสมัยใหม่ ก็เลยได้ชื่อตามเขาครับ จริง ๆ มี Audioguide app ให้โหลดเหมือนกัน แต่เห็นคะแนนรีวิวแย่มาก ผมเลยไม่ได้โหลดครับ
ค่าเข้าชม 14 ยูโร แต่มี Museum Pass เข้าฟรีครับ
เป็นอาคารที่ออกแบบได้น่าสนใจดีนะครับ มีบันไดเลื่อนนอกอาคารครับ ขึ้นไปชมวิวไป
ชั้นล่างสุด
งานที่น่าสนใจในปอมปิดูเซ็นเตอร์
งานที่น่าสนใจในปอมปิดูเซ็นเตอร์
งานที่น่าสนใจในปอมปิดูเซ็นเตอร์
ชิ้นนี้จริง ๆ ดังมากนะครับ ออกแนวต้นแบบของยุค Minimalism (จำชื่อไม่ได้)
อันนี้ผมว่าล่ำดี
ไอเดียดีครับ
อันนี้เริ่มออกแนว installation art
อันนี้ก็คลาสสิค
.
10 ส.ค. 2561: หอไอเฟล / โรงละครโอเปร่า / ถนนช็องเซลีเซ
หอไอเฟล (Eiffel Tower)
มาปารีสก็หลายวัน ไม่มีโอกาสเห็นหอไอเฟลซักที่ ในที่สุดวันนี้ก็ได้มาเห็นครับ 😆 หอไอเฟลนี่จริง ๆ สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงาน World’s Fair ปี 1889 ที่จัดที่ปารีส ต่อมาช่วงปี 50s จึงเพิ่มเสาส่งสัญญาณวิทยุ แรกเริ่มเดิมที ชาวปารีสบางส่วนก็ไม่ค่อยชอบหอไอเฟลนี้เท่าไหร่ครับ บอกไม่สวย แต่ต่อมากลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของปารีสและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย
ถ้าจะขึ้นไปถึงชั้นบนสุดต้องเสียค่าเข้าชม 19-25 ยูโร (ขึ้นกับบันไดหรือลิฟท์) ผมเองไม่ได้ขึ้นเหมือนกันครับ
โชคดีวันนั้นอากาศปลอดโปร่ง ฟ้าใสสวยงาม
ซูมให้เห็นรายละเอียดของหอไอเฟลบริเวณจุดชมวิวชั้น 2
อีกจุดหนึ่งที่ชมวิวหอไอเฟนได้สวยคือข้ามแม่น้ำ Seine มายัง Palais de Chaillot ครับ
ถ้ามาทางสถานี Bir-Hakeim อย่าลืมแวะสะพาน Pont de Bir-Hakeim หลาย ๆ คนอาจจำสะพานนี้ได้จากหนัง Inception ของคริสโตเฟอร์ โนแลน
.
โรงละครโอเปร่า (Palais Garnier)
ก็คือ Opera House ของปารีสแหละครับ ราคาค่าเข้าชม 11 ยูโร จริง ๆ ใน Attraction Pass มีไกด์ทัวร์ที่นี่ฟรีนะครับ แต่ต้องจองล่วงหน้า พอไปถึงเขาบอกเต็มแล้ว convert เป็นตั๋วแบบ independent visit ก็ไม่ได้ ก็เลยต้องซื้อตั๋วอยู่ดี
The Golden Room ห้องนี้เป็นห้องที่ผมว่าสวยมาก ๆ สวยกว่าแวร์ซายซะอีก
Grand Stairway ซึ่งเป็นทางขึ้นไปยัง auditorium สวยดีครับ
Auditorium สวยมาก อยากลองมาดูการแสดงที่นี่ซักครั้ง
มองจากภายนอกครับ รถสีขาวนี่จอดนานมากไม่ออกซักทีเลยถ่ายมาเลย
.
ถนนช็องเซลีเซ (Champs-Élysées)
เป็นถนนที่ยาวตั้งแต่จัตุรัสชาร์ล เดอ โกล ซึ่งเป็นที่ตั้งของประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) ไปจนถึง Place de la Concorde และสวนตุยเลอรี เป็นถนนที่ได้รับการยกย่องว่าสวยอันดับต้น ๆ ของโลก เป็นต้นแบบของถนนราชดำเนินของไทย มีร้านค้าแบรนด์เนมมากมายเปิดอยู่สองข้างทาง
Arc de Triomphe สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 หลังชนะสงครามซักอย่าง จริง ๆ ขึ้นไปได้นะครับ ไม่ได้ขึ้นไปเหมือนกัน
ถนนช็องเซลีเซ สวยมากครับ
บรรยากาศริมถนน
คนต่อคิวเข้าซื้อกระเป๋า
Place de la Concorde จุดที่เคยเป็นที่ตั้งของกิโยตินประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อ็องตัวแน็ต
จากสวนตุยเลอรีมองไปยังถนนช็องเซลีเซ
สวนตุยเลอรีครับ ผมไม่ได้เข้าไปลึก ๆ เหมือนกัน
.
ชมวิวปารีสที่ Montparnasse Tower
ช่วงเย็น ผมขึ้นไปชมวิวเมืองต่อที่ตึก Montparnasse ครับ ค่าเข้าชม 18 ยูโร แต่ว่ามี Attraction Pass จึงเข้าฟรีครับ ผมอยู่ที่นี่ยาวจน 4 ทุ่มที่หอไอเฟลมีการจัดแสดงไฟ แล้วจึงกลับลงไปครับ
สวยงามมากครับ จุดชมวิวนี้
.
11 ส.ค. 2561: เดินทางไปบรัสเซลส์
วันนี้ตื่นเช้ามาก็เดินทางไปสถานีรถไฟ Gare du Nord แล้วก็ต่อรถไฟไปบรัสเซลส์ครับ ตั๋วรถไฟผมซื้อออนไลน์ล่วงหน้าไว้แล้ว เดินทางกับ Izy ครับ โดยรวมก็ปกติดีครับ แต่ระวังเรื่องขนาดกระเป๋านะครับ ตอนแรกผมไม่รู้ว่ารถไฟก็มีจำกัดขนาดกระเป๋าแบบนี้ด้วย โชคดีที่อ่านเจอทันก็เลยซื้อไว้ล่วงหน้า (แต่ก็แพงกว่าซื้อเลยตอนซื้อตั๋วอยู่ดี) ไม่งั้นต้องจ่ายแพงมาก
Gare du Nord สถานีรถไฟที่ได้ชื่อว่าวุ่นวายที่สุดในยุโรปครับ
.
ก็จบแล้วนะครับสำหรับทริปปารีสนี้ เจอกันครั้งหน้าที่เบลเยี่ยมครับ 🙂
[NEW] มาบอกเล่าการเดินทางด้วยรถไฟ Metro ในกรุงปารีสด้วยตัวเองครั้งแรกแบบงงสุดๆ แต่ก็ถึงที่หมายปลอดภัย ให้เพื่อนๆได้ดูกันจ้า | เที่ยว ปารีส – Sonduongpaper

มาแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางในด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro ครั้งแรกมาฝากค่ะ อยากบอกว่างงสุด แต่ก็ถึงที่หมายโดยปลอดภัย
ก็ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยและชาวโลกออนไลน์ที่น่ารักสดใส งามไฉไลสุดเก๋ เทห์ระเบิดเทิดเทิง เปิดเปิงหัวใจกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน ขอมาเว้าวอน ออนซอนต้อนรับคุณผู้อ่านเข้าสู่บล็อกของคนบ้าเที่ยว บ้าเขียนไปเรื่อยเปื่อย แนวกากๆ โกโรโกโส สับปะรังเค ให้ท่านได้เปิดอ่านกันจนปวดเศียร เวียนเกล้ากันอีกเหมือนเดิมนะค่ะ
สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่กำลังจะวางแผนแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวกรุงปารีสด้วยตัวเองครั้งแรกแบบตัวดิฉัน ต้องขอบอกเลยว่า ยังไงทำการบ้านเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟมาก่อนนะค่ะ เพราะว่าเดี๊ยนเองมาเที่ยวที่เมืองนี้เป็นครั้งครั้งแรก ปวดเศียรเวียนเกล้า และสับสน งุนงงกับเส้นทางในเมืองนี้มากๆ เพราะรถไฟมีหลายสาย และหลายเส้นทาง และมีการแบ่งเขต แบ่งโซน โน้นนี้นั้น ปวดหัวเหลือเกิน เรียกว่าหากใครที่จะลุยเดี่ยว หรือไม่ได้มีคนรู้จักมักค้นพาเที่ยวปารีสแล้ว ยังไงต้องทำความรู้จักกับการเดินทางด้วยรถไฟในเมืองนี้มาก่อนเลยค่ะ
เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไป วันนี้เดี๊ยนเลยขอมาแบ่งปันการเดินทางเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Metro และรถไฟ RER มาฝากค่ะ
ก่อนอื่นมารู้จักการเดินทางด้วยรถไฟ Metro กับ รถไฟ RER
1. รถไฟ Metro อ่านว่า เมโทร เป็นรถไฟใต้ดินทีี่วิ่งเฉพาะย่านใจกลางเมืองโซน 1-2 เท่านั้นค่ะ มีทั้งหมด 16 สาย
2. รถไฟ RER อ่านว่า แอ-เออ-แอ เป็นภาษาฝรั่งเศสนะค่ะ หากไปบ้านเค้าแล้ว จะถามคนในพื้นที่ถึงรถไฟสายนี้ อย่าเผลอพูดว่า อีอาร์อีล่ะ เดี่ยวเค้าจะงงเอาจ้า สำหรับรถไฟแอร์เออแอร์นี้ เป็นรถไฟที่วิ่งทั้งเข้าทั้งในเมืองและออกย่านชานเมืองค่ะ โดยจะวิ่งตั้งแต่โซน 1-5 เลยค่ะ และเป็นรถไฟขบวนต่างกันรถไฟ Metro
1.รถไฟ Metro
รถไฟ Metro ถือเป็นระบบขนส่งมวลสาธารณะหรือรถไฟใต้ดินท่ี่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีเส้นทางทั้งหมด 14 สายครอบคลุมเฉพาะการเดินทางโซน 1 กับ โซน 2 เท่านั้นค่ะ
– ราคาตั๋วโดยสารเที่ยวเดียว เริ่มต้นที่ 1.9 ยูโรตลอดสายต่อ 1 เที่ยวค่ะ ซึ่งตั๋วรถไฟเมโทรนั้นเป็นบัตร Ticket T+นั้นจะสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวแต่ครบคลุมทั้งรถไฟ RER รถบัสประจำทาง และรถรางอีกด้วย แต่ใช้ได้เฉพาะโซนที่กำหนดเท่านั้นนะค่ะ
– ถ้าจะให้ประหยัดแนะนำ ให้เพื่อนๆซื้อแบบ 10 ใบไปเลยค่ะ สามารถซื้อได้ที่ตู้ขายบัตรอัตโนมัติ หรือถ้าเกรงจะงงกับเครื่องขายบัตร ก็ซื้อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ โดยราคาตั๋ว 10 ใบจะถูกและประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยค่ะ หากไปหลายคนก็แบ่งกันใช้ได้ค่ะ
– เวลาให้บริการของรถไฟใต้ดิน Metro วัน ศุกร์-เสาร์ 5:30-01:40 และวันอาทิตย์-พฤหัสบดีเริ่ม 5:30-12:40 น.
– ขบวนรถไฟ Metro บางขบวนไม่มีการประกาศบอกสถานีนะค่ะ ดังนั้นเพื่อนต้องสังเกตุป้ายนอกกระจกรถไฟตลอดว่าถึงสถานีใหนแล้ว แต่บางขบวนก็มีบอกค่ะ สรุปคือต้องวัดดวงเอาค่ะว่าจะได้ขบวนรถไฟคันใหนที่มีเสียงประกาศบอกสถานี สนุกตรงนี้แหละค่ะ
– เก็บตั๋วโดยสารไว้ตลอดนะค่ะ เผื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจเช็ค
2.รถไฟ RER (แอร์-เออ-แอร์)
สำหรับรถไฟสายนี้นะค่ะ เป็นรถไฟที่เน้นการเดินทางจากใจกลางเมืองตั้งแต่โซน 1 – 5 ไปยังบริเวณชานเมืองหรือออกไปนอกเมือง ยกตัวอย่างเช่นจะเดินทางจากสถานีใกล้ๆ หอไอเฟลซึ่งอยู่ใจกลางเมือง ไปยังพระราชวังแวร์ซาย ซึ่งอยู่ย่านชานเมือง ก็ต้องเลือกนั่งรถไฟ ERE
หรือว่าจะนั่งจากสนามบิน CDG เข้ามาในย่านใจกลางเมืองที่สถานี Chatelet ก็ต้องนั่งรถไฟ RER เข้ามาค่ะ แล้วค่อยมาเดินทางเชื่อมต่อไปยังสถานีต่างๆด้วยรถไฟ Metro หรือ รถบัสและขนส่งแบบอื่นๆค่ะ
– จุดสังเกตที่เห็นเด่นชัดถึงความแตกต่างจากรถไฟใต้ดินนั่นคือสายที่ใช้ตัวอักษรแบ่งเป็น 5 สายหลัก ได้แก่ A, B, C, D และ E ราคาของตั๋วโดยสารนั้นก็จะขึ้นอยู่กับระยะทางต้นทางถึงปลายทางค่ะ ซึ่งแตกต่างกันกับรถไฟ Metro นะค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง Metro กับ รถไฟ RER ต่างกันอย่างไรบ้างล่ะ
1.รถไฟ Metro วิ่งเฉพาะโซน 1-2 เท่านั้น ส่วนรถไฟ RER วิ่งตั้งแต่ในเมืองไปย่านชานเมือง1-5 เลยค่ะ
2.รถไฟ Metro มี 16 สาย และเส้นทางในแผนที่จะบอกเป็นตัวเลขค่ะ 1,2,3,4 ไปจนถึง 16 ส่วนรถไฟ RER จะบอกเป็นตัวอักษร A,B,C,D,E สังเกตุได้ที่แผนทีี่จะเป็นวงกลมไว้ของสถานีต้นทางและปลายทางจะบอกชัดเจนค่ะ
3.ราคาตั๋วรถไฟ metro เป็นราคาเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเดินทางใกล้ไกลเพราะวิ่งเฉพาะโซน1-2เท่านั้น แต่ถ้ารถไฟ RER ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทางของแต่ละสถานี ราคาไม่เหมือนกัน
เพื่อให้มองเห็นภาพและเข้าใจง่ายขึ้น ขออธิบายตามรูปนะค่ะ (ไม่รู้เพื่อนๆจะเข้าใจหรือเปล่านะ แต่เดีี๊ยนพยายามให้อธิบายให้เพื่อนงงๆที่สุดจะได้เปาไปศึกษาค่ะ)
เส้นทางรถไฟ RER แบ่งโซน1-5 เครดิตภาพจากเว็ปไซต์ Paris by train คลิ๊กที่นี้เพื่อดูภาพขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ>>>
ภาพนี้เป็นแผนที่บอกเส้นรถไฟ RER ค่ะ แบ่งทั้งหมด 5 โซน สังเกตุตัวเลขสีส้มนะค่ะ และเส้นทางรถไฟแต่ละสายจะบอกเป็นตัวอักษร A,B,C,D,E เครดิตภาพจากเว็ปไซต์ Paris by train
คลิ๊กดูภาพแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ>>>
เครดิตภาพจากเว็ป Paris by train
ส่วนภาพนี้คือแผนที่รถไฟ Metro+RER+ เฉพาะโซน 1 กับโซน 2 นะค่ะ โดยรถไฟ Metro นั้นมีทั้งหมด 16 สาย ใช้ตัวเลขบอกและสีบอกเส้นทางของแต่ละสายค่ะ จะเห็นได้ว่าเส้นทางรถไฟจะชุกชุมมากๆ ดูครั้งแรกก็งงแบบสุดจนหลุดโลกไปเลยล่ะค่ะ ยังไงเพื่อนๆคนใหนที่จะแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวปารีสครั้งแรกคนเดียว ศึกษาแผนที่เดินทางให้ดีนะค่ะ จะได้ไม่ปวดเศียร เวียนเกล้า
เครดิตภาพจากเว็ป Paris by train
ป้า่ยสัญลักษณ์ของสายรถไฟ Metro มี 16 สาย และ RER อีก 5 สายเพื่อประกอบในการดูในแผนที่ค่ะ
ซึ่งสัญลักษณ์นี้มีประโยชน์เพื่อสะดวกในการดูแผนที่และเป็นป้ายสัญลักษณ์ของรถไฟแต่ละสายด้วยค่ะ
ตามภาพจะเห็นรถไฟ Metro Line มีทั้งหมด 14 สายหลัก และสายลูกอีก 2 หลัก รวมเป็น 16 หลัก
ส่วนรถไฟ RER line นั้นจะมีเฉพาะ 5 สายแบ่งตามโซนไปเลยค่ะ
ราคาบัตร Ticket+T
ราคาตั๋วเที่ยวเดียว เริ่มต้น 1.9 ยูโร
แต่ถ้าให้คุ้มแบบเดินทางบ่อยก็ซื้อแบบ 10 ใบไปเลย
เพื่อให้เพื่อนๆและคุณผู้อ่านทุกคนเห็นภาพการเดินทาง ดิฉันขอมารีวิวการเดินทางด้วยรถไฟ Metro จากเริ่มต้นสถานี Opera ไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่ใกล้สถานี Ledru-Rollin มาเป็นตัวอย่างให้เพื่อนได้ดูกัน
ต่อจากบล็อกก่อนหน้า เริ่มต้นเดินทางรถไฟ Metro ที่สถานี opera
หลังจากที่นั่งรถบัสโดยสารจากสนามบินฝรั่งเศส เข้ามาจอดสุดสายที่สถานีโอเปร่าแล้วนะค่ะ จากนั้นเดี๊ยนก็แบกเป้ใบใหญ่เดินลงมาที่สถานีรถไฟใต้ดิน สถานี Opera เดินลงมาครั้งแรกก็จะงงๆหน่อยค่ะ
ป้ายบอกเส้นทางรถไฟแต่ละสายในสถานี Opera มีรถไฟ Metro ผ่านสถานีนี้คือ รถไฟหมายเลข 3,7,8
เดินลงมาจะมีป้ายบอกเส้นทางของรถไฟ Metro แต่ละสายค่ะ จะเห็นว่ารถไฟ Metro ใช้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ของเส้นทางแต่ละสายค่ะ อย่างในป้ายบอก รถไฟRER สาย A ผ่านสถานีนี้ และรถไฟ Metro สาย 3,7,8 ผ่านสถานีนี้ค่ะ
โดยจุดมุ่งหมายของเดี๊ยนคือ เดินทางจาก Opera ไปสถานี Ledru-Rollin ซึ่งเป็นรถไฟ Metro สาย 8 หากดูในแผนที่จะเป็นสายสีม่วงค่ะ
มีข้อมูลแผนที่บอกเส้นทางให้ดูด้วยค่ะ ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ใหนจะได้ไม่เกิดอาการอิสสะงงๆ
ขยายภาพอีกครั้งนะค่ะ เผื่อตัวหนังสือในแผนที่เล็กไป นั่งรถไฟ Metro สาย 8 สีม่วงจากสถานี Opera ไปลงที่สถานี Ledru-Rollin
ซื้อตั๋วรถไฟ Metro กับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ
สำหรับการซื้อตั๋วรถไฟโดยสาร สามารถซื้อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ หรือจะซื้อผ่านเครื่องก็ได้ แต่ถ้ากลัวงงๆก็ซื้อผ่านเจ้าหน้าที่ก็จะสะดวกกว่าเพราะสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ด้วย
เมื่อเดินผ่านประตูมาแล้วก็มาดูแผนที่ว่าจะผ่านสถานีอะไรบ้าง
การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้นที่สถานี Opera ไปที่สถานี Ledru-Rollin โดยต้องไปขึ้นรถไฟที่ชานชลาป้าย Creteil ค่ะ ตามภาพเลยนะค่ะ
อุโมงชานชลารอรถไฟใต้ดิน Metro ไปสถานีปลายทางค่ะ
เดินเข้ามาก็จะเป็นอุโมงค์รอรถไฟแบบนี้เลยค่ะ ดูน่ากลัวอิสสะนึดนึงนะค่ะ เนื่องจากดึกมากๆแล้ว บางครั้งเดี๊ยนก็กลัวจะมีเจ้าปีศาจ เอเลี่ยนหลุดออกมาจากช่องมุมมืดเหมือนกันนะค่ะ
ป้ายที่เห็นเป็นป้ายบอกทางไปยังรถไฟสายอื่น ส่วนป้ายที่เขียนว่า Sortie แปลว่าทางออกค่ะ เดี๊ยนเรียกว่า ป้ายอาซ้อ มาที่ฝรั่งเศสไม่มีป้ายเขียนว่า Exit เลยนะค่ะ ดังนั้นหากเพื่อนเห็นป้ายอาซ้อ แสดงว่าทางออกแน่นอนค่ะ
รอไม่นานนัก รถไฟก็มาโดยทันทีเลยนะค่ะ พอขึ้นรถไฟมาแล้ว เนื่องจากขบวนที่เดี๊ยนขึ้นมานี้ ไม่มีการประกาศแจ้งว่าถึงสถานีใหนแล้วบ้าง และก็ไม่มีเสียงประกาศว่า พลีสมันเด้อเกต บีทวีนเทรนแอนด์พลักฟอม (Please mind the gap between the train and platform)เหมือนรถไฟ BTS และ mrt ในบ้านเรา
พักค้างแรมคืนนี้ที่ืโรงแรม โอแบร์ฌ แองแตร์นาชิโอนาล เด เฌิน (Auberge Internationale des Jeunes)
จากสถานีรถไฟ Metro Ledru Rollin เดินมาไม่ไกลนัก ก็ถึงที่พักคืนนี้แล้วค่ะ
พักที่ โอแบร์ฌ แองแตร์นาชิโอนาล เด เฌิน (Auberge Internationale des Jeunes) ชื่อโรงแรมเรียกยากมากๆ เป็นที่พักแนวโฮสเทล ห้องนอนรวม ราคาหลักร้อย ห้องน้ำรวม มีอาหารเช้าให้ทานฟรีนะ เน้นแค่นอน อย่าไปคิดอะไรมาก แต่ก็กระชากใจเว่อร์เหมือนกันนะ
แล้วเป็นบันใดแคบๆ เดินวนขึ้นไปเรื่อยๆ เวียนหัวเหมือนกันนะค่ะ มันเป็นบันใดวน เหมือนขนมเกลียวอะไรแบบนั้นเลย โอ้ย…เดี๊ยนจะเป็นลมค่ะ
ห้องพักคืนละ 800 บาท รวมอาหารเช้า
ห้องพักคืนนี้ เตียงเดียว มี 3 เตียงใน 1 ห้อง ตอนนอนก็มีแขกพักอยู่อีกเตียง แต่นางนอนไปก่อนล่ะ เพราะดึกมากๆแล้วค่ะ
สภาพห้องพักพอใช้ ไม่ดี ไม่แย่ พอถูไถๆ ถือว่าราคาถูกมากนะค่ะ เพราะปกติโฮสเทลในปารีส ราคาก็ปาไปเป็นพันกว่าแล้วค่ะ แต่ที่นี้ราคาแค่หลักร้อย สงสัยที่ราคาถูก เพราะไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยวด้วยกระมัง หากเพื่อนๆคนใหนที่มองหาที่พักหลักร้อยอยู่ ก็มาพักที่นี้ได้นะค่ะ คือแบบพอพักได้ แต่เดินบันใดขาลากเลยค่ะ และห้องอาบน้ำในชั้นก็มีอยู่ 2 ห้อง ห้องส้วมอีก 2 ห้อง
เวลาปวดอึ ก็ต้องอั้นไว้เหมือนกัน เพราะต้องต่อคิว หากจะเดินไปอึ ด้านล่าง ก็เกรงจะไม่ทัน ขี้แตกเสียก่อน โอ้ยเดี๊ยนจะเป็นลม
—————————————————
อ้อเกือบลืม สำหรับเพื่อนๆที่ถามกันไว้ว่า มีวิธีการซื้อตั๋วรถไฟ Metro ผ่านตู้ขายเครื่องอัตโนมัติใหม๊
ในบล็อกนี้เดี๊ยนก็เลยนำภาพมาลงไว้ในบล็อกด้วย แต่ทำไม่สุดขั้นตอน เนื่องจากธนบัตรที่เดี๊ยนถืออยู่นั้นเป็นแบงค์ 50 กับ แบงค์ 100 ยูโร ก็เลยนำแต่วิธีเบื้องต้นมาให้ดูค่ะ น่าจะเป็นแนวทางได้นะค่ะ
เริ่มแรกไปที่เมนูภาษาอังกฤษก่อนเลยค่ะ
อันนี้เราจะซื้อบัตรโดยสารรถไฟก็เลือก Ticket T ค่ะ
Full Fare คือตั๋วราคาเต็ม
Reduced fare -10 year old คือตั๋วสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี
ให้เราเลือก Full fare
ทีนี้พอกดเลือก Full fare แล้วก็จะมาให้เลือกจำนวนตั๋วค่ะ ซึ่งให้เลอกตั้งแต่ 1-20 ใบเลยค่ะ
ถ้าไปเที่ยวเดียวก็เลือก 1.90 ยูโร
แต่ถ้าซื้อจำนวน 10 ใบก็ 14.9 ยูโร
พอถึงหน้านี้แล้ว เดี๊ยนก็ต้องหยุดสต๊อป เพราะมีแต่แบงค์ใหญ่อยู่ดี
ก็เลยตัดสินใจไปซื้อกับเจ้าหน้าที่ สะดวกกว่าค่ะ
ตั๋วรถไฟโดยสารซื้อแบบ 10 ใบ ราคาจะถูกและประหยัดกว่าค่ะ
ซื้อกับเจ้าหน้าที่จ่ายกับบัตรเครดิตไปเลย ได้ทั้งหมด 10 ใบตามภาพ เอาไว้เดินทางในตัวเมืองย่านโซน1-2ค่ะ
แผนที่การเดินทางในกรุงปารีส และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆยังไงเพื่อนลองไปศึกษากันดูนะค่ะ
เข้าไปดูข้อมูลการเดินทางได้ที่เว็ปไซต์
และเว็ปไซต์ :
เอาเป็นรีวิวทริปการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Metro ในกรุงปารีส จากสถานี Opera
มายังสถานี Ledru-Rollin ก็ขอจบเพียงเท่านี้นะค่ะ
เดี่ยวมารีวิวต่อในบล็อกถัดไป จะพาเที่ยวกรุงปารีสแล้วค่ะ
ยังไงต้องขอขอบพระคุณเพื่อนทุกๆท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านและปวดหัวไปด้วยกัน
หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ
————————————————————————————
รวมบทความรีวิวบล็อกท่องเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง มีดังนี้ค่ะ
(จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไปคะ)
จะไปเที่ยวกรุงปารีส พักโซนใหนดี
ขอแนะนำ 8 เขตโซนที่พักพร้อมแผนที่มาให้เพื่อนๆได้เลือกกันจ้า
หรือดูข้อมูลโซนในปารีสที่เว็ปไซต์ :
http://bit.ly/2z6cOxa
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/dLDKAX
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/e6o4UL
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/Bxaq9X
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/XCFzYC
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ :
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/7ZB3pt
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/YHUCtA
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ :
รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ เดือน ก.พ.61 เยือนถิ่นไดโนเสาร์ นอนคลอเคล้าที่เขื่อนลำปาว สวยสกาวคั๊กอีหลีเด้อ
คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ :
รีวิวเที่ยวมาเก๊า-ฮ่องกง ม.ค.61 ตอนที่ 1 เที่ยวมาเก๊านั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง แถมติดด่าน ตม. เข้าห้องเย็นเจี๊ยบ
คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเกาะกูด 4 วัน
นอนสุขสันต์ริมชายหาด สวยสะอาดน้ำทะเลใส งามวิไลเลิศสะแมนแตน
รีวิวเที่ยวเมืองปาย สไตล์ชิคๆ
แวะกุ๊กกิ๊กถนนคนเดิน เช่ามอเตอร์ไซต์ขับเพลินๆ ดีเลิศสะแมนแตน
รีวิวเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนที่ 2
ขับมอเตอร์ไซต์ไปออนซอนที่บ้านรักไทย งามวิไลปางอุ๋ง สวยจูงเบย
ก็ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยและชาวโลกออนไลน์ที่น่ารักสดใส งามไฉไลสุดเก๋ เทห์ระเบิดเทิดเทิง เปิดเปิงหัวใจกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน ขอมาเว้าวอน ออนซอนต้อนรับคุณผู้อ่านเข้าสู่บล็อกของคนบ้าเที่ยว บ้าเขียนไปเรื่อยเปื่อย แนวกากๆ โกโรโกโส สับปะรังเค ให้ท่านได้เปิดอ่านกันจนปวดเศียร เวียนเกล้ากันอีกเหมือนเดิมนะค่ะสำหรับเพื่อนๆท่านใดที่กำลังจะวางแผนแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวกรุงปารีสด้วยตัวเองครั้งแรกแบบตัวดิฉัน ต้องขอบอกเลยว่า ยังไงทำการบ้านเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟมาก่อนนะค่ะ เพราะว่าเดี๊ยนเองมาเที่ยวที่เมืองนี้เป็นครั้งครั้งแรก ปวดเศียรเวียนเกล้า และสับสน งุนงงกับเส้นทางในเมืองนี้มากๆ เพราะรถไฟมีหลายสาย และหลายเส้นทาง และมีการแบ่งเขต แบ่งโซน โน้นนี้นั้น ปวดหัวเหลือเกิน เรียกว่าหากใครที่จะลุยเดี่ยว หรือไม่ได้มีคนรู้จักมักค้นพาเที่ยวปารีสแล้ว ยังไงต้องทำความรู้จักกับการเดินทางด้วยรถไฟในเมืองนี้มาก่อนเลยค่ะเพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไป วันนี้เดี๊ยนเลยขอมาแบ่งปันการเดินทางเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Metro และรถไฟ RER มาฝากค่ะ1. รถไฟ Metro อ่านว่า เมโทร เป็นรถไฟใต้ดินทีี่วิ่งเฉพาะย่านใจกลางเมืองโซน 1-2 เท่านั้นค่ะ มีทั้งหมด 16 สาย2. รถไฟ RER อ่านว่า แอ-เออ-แอ เป็นภาษาฝรั่งเศสนะค่ะ หากไปบ้านเค้าแล้ว จะถามคนในพื้นที่ถึงรถไฟสายนี้ อย่าเผลอพูดว่า อีอาร์อีล่ะ เดี่ยวเค้าจะงงเอาจ้า สำหรับรถไฟแอร์เออแอร์นี้ เป็นรถไฟที่วิ่งทั้งเข้าทั้งในเมืองและออกย่านชานเมืองค่ะ โดยจะวิ่งตั้งแต่โซน 1-5 เลยค่ะ และเป็นรถไฟขบวนต่างกันรถไฟ Metroรถไฟ Metro ถือเป็นระบบขนส่งมวลสาธารณะหรือรถไฟใต้ดินท่ี่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีเส้นทางทั้งหมด 14 สายครอบคลุมเฉพาะการเดินทางโซน 1 กับ โซน 2 เท่านั้นค่ะ- ราคาตั๋วโดยสารเที่ยวเดียว เริ่มต้นที่ 1.9 ยูโรตลอดสายต่อ 1 เที่ยวค่ะ ซึ่งตั๋วรถไฟเมโทรนั้นเป็นบัตร Ticket T+นั้นจะสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวแต่ครบคลุมทั้งรถไฟ RER รถบัสประจำทาง และรถรางอีกด้วย แต่ใช้ได้เฉพาะโซนที่กำหนดเท่านั้นนะค่ะ- ถ้าจะให้ประหยัดแนะนำ ให้เพื่อนๆซื้อแบบ 10 ใบไปเลยค่ะ สามารถซื้อได้ที่ตู้ขายบัตรอัตโนมัติ หรือถ้าเกรงจะงงกับเครื่องขายบัตร ก็ซื้อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ โดยราคาตั๋ว 10 ใบจะถูกและประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยค่ะ หากไปหลายคนก็แบ่งกันใช้ได้ค่ะ- เวลาให้บริการของรถไฟใต้ดิน Metro วัน ศุกร์-เสาร์ 5:30-01:40 และวันอาทิตย์-พฤหัสบดีเริ่ม 5:30-12:40 น.- ขบวนรถไฟ Metro บางขบวนไม่มีการประกาศบอกสถานีนะค่ะ ดังนั้นเพื่อนต้องสังเกตุป้ายนอกกระจกรถไฟตลอดว่าถึงสถานีใหนแล้ว แต่บางขบวนก็มีบอกค่ะ สรุปคือต้องวัดดวงเอาค่ะว่าจะได้ขบวนรถไฟคันใหนที่มีเสียงประกาศบอกสถานี สนุกตรงนี้แหละค่ะ- เก็บตั๋วโดยสารไว้ตลอดนะค่ะ เผื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจเช็คสำหรับรถไฟสายนี้นะค่ะ เป็นรถไฟที่เน้นการเดินทางจากใจกลางเมืองตั้งแต่โซน 1 – 5 ไปยังบริเวณชานเมืองหรือออกไปนอกเมือง ยกตัวอย่างเช่นจะเดินทางจากสถานีใกล้ๆ หอไอเฟลซึ่งอยู่ใจกลางเมือง ไปยังพระราชวังแวร์ซาย ซึ่งอยู่ย่านชานเมือง ก็ต้องเลือกนั่งรถไฟ EREหรือว่าจะนั่งจากสนามบิน CDG เข้ามาในย่านใจกลางเมืองที่สถานี Chatelet ก็ต้องนั่งรถไฟ RER เข้ามาค่ะ แล้วค่อยมาเดินทางเชื่อมต่อไปยังสถานีต่างๆด้วยรถไฟ Metro หรือ รถบัสและขนส่งแบบอื่นๆค่ะ- จุดสังเกตที่เห็นเด่นชัดถึงความแตกต่างจากรถไฟใต้ดินนั่นคือสายที่ใช้ตัวอักษรแบ่งเป็น 5 สายหลัก ได้แก่ A, B, C, D และ E ราคาของตั๋วโดยสารนั้นก็จะขึ้นอยู่กับระยะทางต้นทางถึงปลายทางค่ะ ซึ่งแตกต่างกันกับรถไฟ Metro นะค่ะความแตกต่างระหว่าง Metro กับ รถไฟ RER ต่างกันอย่างไรบ้างล่ะ1.รถไฟ Metro วิ่งเฉพาะโซน 1-2 เท่านั้น ส่วนรถไฟ RER วิ่งตั้งแต่ในเมืองไปย่านชานเมือง1-5 เลยค่ะ2.ส่วนรถไฟสังเกตุได้ที่แผนทีี่จะเป็นวงกลมไว้ของสถานีต้นทางและปลายทางจะบอกชัดเจนค่ะ3.ราคาตั๋วรถไฟ metro เป็นราคาเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเดินทางใกล้ไกลเพราะวิ่งเฉพาะโซน1-2เท่านั้น แต่ถ้ารถไฟ RER ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทางของแต่ละสถานี ราคาไม่เหมือนกันเพื่อให้มองเห็นภาพและเข้าใจง่ายขึ้น ขออธิบายตามรูปนะค่ะ (ไม่รู้เพื่อนๆจะเข้าใจหรือเปล่านะ แต่เดีี๊ยนพยายามให้อธิบายให้เพื่อนงงๆที่สุดจะได้เปาไปศึกษาค่ะ)ภาพนี้เป็นแผนที่บอกเส้นรถไฟ RER ค่ะ แบ่งทั้งหมด 5 โซน สังเกตุตัวเลขสีส้มนะค่ะ และเส้นทางรถไฟแต่ละสายจะบอกเป็นตัวอักษรเครดิตภาพจากเว็ปไซต์ Paris by trainส่วนภาพนี้คือแผนที่รถไฟ Metro+RER+ เฉพาะโซน 1 กับโซน 2 นะค่ะ โดยรถไฟ Metro นั้นมีทั้งหมด 16 สาย ใช้ตัวเลขบอกและสีบอกเส้นทางของแต่ละสายค่ะ จะเห็นได้ว่าเส้นทางรถไฟจะชุกชุมมากๆ ดูครั้งแรกก็งงแบบสุดจนหลุดโลกไปเลยล่ะค่ะ ยังไงเพื่อนๆคนใหนที่จะแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวปารีสครั้งแรกคนเดียว ศึกษาแผนที่เดินทางให้ดีนะค่ะ จะได้ไม่ปวดเศียร เวียนเกล้าเครดิตภาพจากเว็ป Paris by trainซึ่งสัญลักษณ์นี้มีประโยชน์เพื่อสะดวกในการดูแผนที่และเป็นป้ายสัญลักษณ์ของรถไฟแต่ละสายด้วยค่ะตามภาพจะเห็นรถไฟ Metro Line มีทั้งหมด 14 สายหลัก และสายลูกอีก 2 หลัก รวมเป็น 16 หลักส่วนรถไฟ RER line นั้นจะมีเฉพาะ 5 สายแบ่งตามโซนไปเลยค่ะราคาบัตร Ticket+Tราคาตั๋วเที่ยวเดียว เริ่มต้น 1.9 ยูโรแต่ถ้าให้คุ้มแบบเดินทางบ่อยก็ซื้อแบบ 10 ใบไปเลยเพื่อให้เพื่อนๆและคุณผู้อ่านทุกคนเห็นภาพการเดินทาง ดิฉันขอมารีวิวการเดินทางด้วยรถไฟ Metro จากเริ่มต้นสถานี Opera ไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่ใกล้สถานี Ledru-Rollin มาเป็นตัวอย่างให้เพื่อนได้ดูกันหลังจากที่นั่งรถบัสโดยสารจากสนามบินฝรั่งเศส เข้ามาจอดสุดสายที่สถานีโอเปร่าแล้วนะค่ะ จากนั้นเดี๊ยนก็แบกเป้ใบใหญ่เดินลงมาที่สถานีรถไฟใต้ดิน สถานี Opera เดินลงมาครั้งแรกก็จะงงๆหน่อยค่ะเดินลงมาจะมีป้ายบอกเส้นทางของรถไฟ Metro แต่ละสายค่ะ จะเห็นว่ารถไฟ Metro ใช้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ของเส้นทางแต่ละสายค่ะ อย่างในป้ายบอก รถไฟRER สาย A ผ่านสถานีนี้ และรถไฟ Metro สาย 3,7,8 ผ่านสถานีนี้ค่ะโดยจุดมุ่งหมายของเดี๊ยนคือ เดินทางจาก Opera ไปสถานี Ledru-Rollin ซึ่งเป็นรถไฟ Metro สาย 8 หากดูในแผนที่จะเป็นสายสีม่วงค่ะมีข้อมูลแผนที่บอกเส้นทางให้ดูด้วยค่ะ ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ใหนจะได้ไม่เกิดอาการอิสสะงงๆขอยกตัวอย่างการเดินทางด้วยรถไฟ Metro สาย 8 สีม่วงตามภาพเลยนะค่ะ โดยเดี๊ยนจะเริ่มเดินทางจากสถานี Opera ไปยังที่พักซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานี Ledru-Rollin ตามที่วงกลมสีแดงไว้ค่ะ ซึ่งต้องไปขึั้นชานชลาที่ป้ายสถานี Creteil เนื่องจากว่ารถไฟวิ่งมาจากสถานี Balard ตามวงกลมสีขาวค่ะ โดยที่สถานีจะมีป้ายบอกทางให้ค่ะ ยังไงเพื่อนๆ เรียนรู้การดูแผนที่มาก่อน ก็จะเข้าใจง่ายขึ้นค่ะขยายภาพอีกครั้งนะค่ะ เผื่อตัวหนังสือในแผนที่เล็กไป นั่งรถไฟ Metro สาย 8 สีม่วงจากสถานี Opera ไปลงที่สถานี Ledru-Rollinสำหรับการซื้อตั๋วรถไฟโดยสาร สามารถซื้อกับเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ หรือจะซื้อผ่านเครื่องก็ได้ แต่ถ้ากลัวงงๆก็ซื้อผ่านเจ้าหน้าที่ก็จะสะดวกกว่าเพราะสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ด้วยเนื่องจากพึ่งมาครั้งแรก ก็เลยซื้อแบบเที่ยวเดียวก่อนค่ะ ราคาบัตรโดยสาร 1.9 ยูโรพอได้บัตรมาแล้วก็เดินผ่านประตูแบบนี้นะค่ะ มองไปเหมือนเครื่องออกกำลังแขนในฟิตเนสเลยนะค่ะเมื่อเดินผ่านประตูมาแล้วก็มาดูแผนที่ว่าจะผ่านสถานีอะไรบ้างการเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้นที่สถานี Opera ไปที่สถานี Ledru-Rollin โดยต้องไปขึ้นรถไฟที่ชานชลาป้าย Creteil ค่ะ ตามภาพเลยนะค่ะเดินเข้ามาก็จะเป็นอุโมงค์รอรถไฟแบบนี้เลยค่ะ ดูน่ากลัวอิสสะนึดนึงนะค่ะ เนื่องจากดึกมากๆแล้ว บางครั้งเดี๊ยนก็กลัวจะมีเจ้าปีศาจ เอเลี่ยนหลุดออกมาจากช่องมุมมืดเหมือนกันนะค่ะป้ายที่เห็นเป็นป้ายบอกทางไปยังรถไฟสายอื่น ส่วนป้ายที่เขียนว่า Sortie แปลว่าทางออกค่ะ เดี๊ยนเรียกว่า ป้ายอาซ้อ มาที่ฝรั่งเศสไม่มีป้ายเขียนว่า Exit เลยนะค่ะ ดังนั้นหากเพื่อนเห็นป้ายอาซ้อ แสดงว่าทางออกแน่นอนค่ะรอไม่นานนัก รถไฟก็มาโดยทันทีเลยนะค่ะ พอขึ้นรถไฟมาแล้ว เนื่องจากขบวนที่เดี๊ยนขึ้นมานี้ ไม่มีการประกาศแจ้งว่าถึงสถานีใหนแล้วบ้าง และก็ไม่มีเสียงประกาศว่า พลีสมันเด้อเกต บีทวีนเทรนแอนด์พลักฟอม (Please mind the gap between the train and platform)เหมือนรถไฟ BTS และ mrt ในบ้านเราดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการสังเกตุป้ายสถานีที่ผ่านแต่ละสถานีผ่านทางกระจกเอาค่ะ ถ้าไม่ดู รับรองว่านั่งสุดสาย ร้องให้ขี้มูกโป่งแน่นอนจ้า หากเกิดสมมุตินั่งผิดสาย ก็มาเริ่มต้นใหม่ หรือดูป้ายแผนที่และชานลาให้ถูกต้องค่ะและแล้วก็ถึงสถานีรถไฟ Ledru Rollin แล้วค่ะ ตอนนั่งรถไฟมาก็เมื่อยคอตลอดค่ะ เพราะต้องชะเงอดูเงียบทุกสถานีนะค่ะ ว่าถึงสถานีหรือยัง เกรงจะนั่งเลยเถิดไปไกล ทำให้เสียเวลาค่ะพอถึงสถานีปลายทางแล้ว เดี๊ยนก็เดินแบกเป้ ท่ามกลางความมืดและความหนาวเย็นของอากาศ เปิดมือถือให้ GPS นำทางไปยังที่พักค้างแรมค่ะจากสถานีรถไฟ Metro Ledru Rollin เดินมาไม่ไกลนัก ก็ถึงที่พักคืนนี้แล้วค่ะพักที่ โอแบร์ฌ แองแตร์นาชิโอนาล เด เฌิน (Auberge Internationale des Jeunes) ชื่อโรงแรมเรียกยากมากๆ เป็นที่พักแนวโฮสเทล ห้องนอนรวม ราคาหลักร้อย ห้องน้ำรวม มีอาหารเช้าให้ทานฟรีนะ เน้นแค่นอน อย่าไปคิดอะไรมาก แต่ก็กระชากใจเว่อร์เหมือนกันนะทำการ check in เข้าพักมีกุญแจแบบคีย์การ์ดให้ค่ะได้ห้องพักชั้น 4 โรงแรมไม่มีลิฟท์นะค่ะ เดินขึ้นบันใด ขาแทบลากเลยค่ะแล้วเป็นบันใดแคบๆ เดินวนขึ้นไปเรื่อยๆ เวียนหัวเหมือนกันนะค่ะ มันเป็นบันใดวน เหมือนขนมเกลียวอะไรแบบนั้นเลย โอ้ย…เดี๊ยนจะเป็นลมค่ะห้องพักคืนนี้ เตียงเดียว มี 3 เตียงใน 1 ห้อง ตอนนอนก็มีแขกพักอยู่อีกเตียง แต่นางนอนไปก่อนล่ะ เพราะดึกมากๆแล้วค่ะสภาพห้องพักพอใช้ ไม่ดี ไม่แย่ พอถูไถๆ ถือว่าราคาถูกมากนะค่ะ เพราะปกติโฮสเทลในปารีส ราคาก็ปาไปเป็นพันกว่าแล้วค่ะ แต่ที่นี้ราคาแค่หลักร้อย สงสัยที่ราคาถูก เพราะไม่ได้อยู่ในย่านท่องเที่ยวด้วยกระมัง หากเพื่อนๆคนใหนที่มองหาที่พักหลักร้อยอยู่ ก็มาพักที่นี้ได้นะค่ะ คือแบบพอพักได้ แต่เดินบันใดขาลากเลยค่ะ และห้องอาบน้ำในชั้นก็มีอยู่ 2 ห้อง ห้องส้วมอีก 2 ห้องเวลาปวดอึ ก็ต้องอั้นไว้เหมือนกัน เพราะต้องต่อคิว หากจะเดินไปอึ ด้านล่าง ก็เกรงจะไม่ทัน ขี้แตกเสียก่อน โอ้ยเดี๊ยนจะเป็นลม—————————————————อ้อเกือบลืม สำหรับเพื่อนๆที่ถามกันไว้ว่า มีวิธีการซื้อตั๋วรถไฟ Metro ผ่านตู้ขายเครื่องอัตโนมัติใหม๊ในบล็อกนี้เดี๊ยนก็เลยนำภาพมาลงไว้ในบล็อกด้วย แต่ทำไม่สุดขั้นตอน เนื่องจากธนบัตรที่เดี๊ยนถืออยู่นั้นเป็นแบงค์ 50 กับ แบงค์ 100 ยูโร ก็เลยนำแต่วิธีเบื้องต้นมาให้ดูค่ะ น่าจะเป็นแนวทางได้นะค่ะการซื้อตั๋วผ่านเครื่องขายบัตรโดยสารอัตโมนัติแบบทำเองได้ ตู้ขายบัตรเป็นปุ่มกดเอา และมีตัวเลือกเมนูอยู่ตรงกลางใ มีปุ่มสีแดงด้านซ้ายน่าจะหมายถึงไม่เอา ยกเลิก ส่วนปุ่มสีเงินหมายถึงตอบตกลงเริ่มแรกไปที่เมนูภาษาอังกฤษก่อนเลยค่ะจากนั้นก็ใช้มือเลื่อนแท่งยาวๆตรงกลางเพื่อมาเลือกเมนู Ture the roller press validerจากนั้นก็เลื่อนเมนูมาเลือกที่ Buy ticketsพอเลือก buy ticket แล้วจะขึ้นเมนูมาให้เราเลือกบัตรโดยสารหลายแบบค่ะอันนี้เราจะซื้อบัตรโดยสารรถไฟก็เลือก Ticket T ค่ะพอกดเลือก Ticket+T มาแล้วก็จะมาให้เลือกFull Fare คือตั๋วราคาเต็มReduced fare -10 year old คือตั๋วสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีให้เราเลือก Full fareทีนี้พอกดเลือก Full fare แล้วก็จะมาให้เลือกจำนวนตั๋วค่ะ ซึ่งให้เลอกตั้งแต่ 1-20 ใบเลยค่ะถ้าไปเที่ยวเดียวก็เลือก 1.90 ยูโรแต่ถ้าซื้อจำนวน 10 ใบก็ 14.9 ยูโรพอถึงหน้านี้แล้ว เดี๊ยนก็ต้องหยุดสต๊อป เพราะมีแต่แบงค์ใหญ่อยู่ดีก็เลยตัดสินใจไปซื้อกับเจ้าหน้าที่ สะดวกกว่าค่ะซื้อกับเจ้าหน้าที่จ่ายกับบัตรเครดิตไปเลย ได้ทั้งหมด 10 ใบตามภาพ เอาไว้เดินทางในตัวเมืองย่านโซน1-2ค่ะแผนที่การเดินทางในกรุงปารีส และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆยังไงเพื่อนลองไปศึกษากันดูนะค่ะเข้าไปดูข้อมูลการเดินทางได้ที่เว็ปไซต์ https://parisbytrain.com/ และเว็ปไซต์ : https://www.ratp.fr/en เอาเป็นรีวิวทริปการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Metro ในกรุงปารีส จากสถานี Opera มายังสถานี Ledru-Rollin ก็ขอจบเพียงเท่านี้นะค่ะ เดี่ยวมารีวิวต่อในบล็อกถัดไป จะพาเที่ยวกรุงปารีสแล้วค่ะ ยังไงต้องขอขอบพระคุณเพื่อนทุกๆท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านและปวดหัวไปด้วยกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ————————————————————————————
เที่ยวกรุงปารีส เช็คอินมุมถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาด!! | 12 มิ.ย. 64
ติดตามชมรายการ หนีเที่ยวกัน ทุกวันเสาร์ เวลา 8:30 น. ทางช่อง 23 เวิร์คพอยท์ และชมย้อนหลังได้ทาง YouTube Channel \”Flukelee\” ทุกวันเสาร์ 12:00 น.
กด Subscribe และติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCKf4vUOPKg_9zRQkC2w9PXg
Facebook : https://www.facebook.com/nheetiewgun
Instagram : https://www.instagram.com/nheetiewgun.th
ฝากกด Subscribe และกดกระดิ่งช่อง FlukeLee กันด้วยนะ
https://www.youtube.com/channel/UCIGAIqK_icnDDuLdUdM4AUA
ติดตามช่องทางอื่นของ FlukLee ได้ที่
Instagram (ฟลุค เกริกพล) : https://www.instagram.com/fluke777
Instagram (ลี นาตาลี) : https://www.instagram.com/lee_natalie
สนใจติดต่อโฆษณา และทำวิดีโอ YouTube
โทร : 0926648245
Email : [email protected]
Powered by AnyMind Thailand
FlukeLee หนีเที่ยวกัน ฝรั่งเศส
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
รายการ คนติดเที่ยว ฝรั่งเศส ปารีส( Paris France ) 27 มี.ค. 59 Part 1/3
ติดตามชมรายการ คนติดเที่ยว ได้ทางช่อง ททบ.5 คืนวันอาทิตย์ เวลา 23.25 24.00 น.
ดูรายการย้อนหลังได้ที่ ME infinity channel
ติดตาม รายการ คนติดเที่ยว ได้ทาง Facebook: The Tourist คนติดเที่ยว
ปารีส ‘งง’ จนโดนกรีดกระเป๋า | One Day in Paris and the Pickpocket
1 วันในปารีสแบบคนไม่ทำการบ้าน รถใต้ดินก็ปิด ฝนก็ตก งงจนโดนกรีดกระเป๋าบนหอไอเฟล… ตึงๆๆ
ปารีสที่รัก ยุโรปที่บัตรเครดิตโดนล้วงหายอาทิตย์เว้นอาทิตย์(ตอนเรียนอยู่สเปน)มิ้นท์กลับมาแล้ว อยากบอกว่าโบสถ์ยังคงสวย เมืองยังเหมือนเทพนิยาย อาหารยังกินได้ ขนมยังอร่อย และขโมยก็ยังเยอะอยู่ 5555
ในยุโรปสิ่งที่ต้องระวัง คือ การโดนขโมยของด้วยเทคนิคแพรวพราวดาวล้านดวง มิ้นท์ขอยืนยันว่าเดือดกว่าทุกทวีปที่เคยไปมา ระวังของดีๆนะจ๊ะ
ขอบคุณภาพสวยๆจาก Samsung Galaxy Note 10 โหมด Ultra Wide นี่มันดีจริงๆ! เพื่อนร่วมทริปมือถือในมือสั่น รอการเปลี่ยน 5555
Paris
GalaxyNote10TH
PARIS EP2 ชะนีผีบ้า โดนแล้วจ้าโจรปารีส!!
มาจ้าพี่จ๋า ไปดิสนีย์แลนด์ตามประสาคนไม่อิน
EP จบทริปปล่อยผีของชะนีผีบ้า ที่ปารีสต้องสะเทือน(ใจ)!
▼ กดดูช่องทางติดตามและของที่ใช้ในคลิปด้านล่าง ▼
Facebook สตีเฟ่นโอปป้า: http://www.facebook.com/sacrosspeachii
Facebook ภาษาอังกฤษ/เรียนต่ออังกฤษ: http://www.facebook.com/gouni.th
Instagram: http://www.instagram.com/iampeachii
Twitter: https://twitter.com/impeachii
♦ CAMERA: Canon G7X
♦ EDITING PROGRAM: Final Cut
ท่องเที่ยวปารีส | ExpediaTH
http://www.expedia.co.th/Paris.d179898.Travel?langid=1054
วีดีโอแนะนำปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อการท่องเที่ยว เพียง 6 นาที คุณสามารถค้นพบสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้
พัก บิน เที่ยว เว็บเดียวอยู่! รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆWiki
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เที่ยว ปารีส