เกาหลี ที่เที่ยว: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
ใครที่กำลังไปโซล เกาหลีใต้ แล้วไม่รู้จะเที่ยวที่ไหน เรามีที่เที่ยวแนะนำในโซล เกาหลีใต้มาให้บอกกัน
หมู่บ้านบุกชอนฮานก (Bukchon Hanok Village)
หมู่บ้านเกาหลีโบราณอันโด่งดังในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ระหว่าง พระราชวังเคียงบกกุง พระราชวังชางด๊อกกุง และอารามหลวงจองเมียว
หมู่บ้านประกอบด้วยตรอกซอกซอยอันเป็นที่ตั้งของบ้านแบบดั้งเดิมกว่าร้อยหลัง และเป็นที่เก็บรักษาสภาพแวดล้อมของเมืองไว้ เพื่อเป็นการบอกเล่าประวัติศาสตร์ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอนที่มีอายุกว่า 600 ปี
สถานที่ท่องเที่ยวโดยรอบของหมู่บ้านได้แก่ Bukchon Traditional Culture Center, Seoul Museum of Chicken Art, บรรดาร้านค้ามากมายได้ ร้านอาหาร, ร้านชา เป็นต้น เพื่อเป็นการเรียนรู้และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี
ตั้งอยู่ที่ Seoul-si Jongno-gu Gahoe-dong, Jae-dong, Samcheong-dong, Gye-dong, Wonseo-dong
เว็บไซต์: bukchon.seoul.go.kr
การเดินทาง
สถานีรถไฟใต้ดิน สาย 3 ลงที่ Anguk Station เดินออกทางออกที่ 2 เดินตรงไปอีก 300 เมตร เลี้ยวเข้าไปในซอย 11 Gahoe-dong หรือ 31 Gahoe-dong
ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง (Insa-dong Culture District)
การตกแต่งตัวอาคาร รวมไปถึงสินค้าที่ขายในย่านนี้ ยังคงศิลปวัฒนธรรมแบบเกาหลีโบราณ เป็นแหล่งขายของเก่าขึ้นชื่อของเมือง เป็นถนนแอนติค (Antique)
การเดินเล่นไปตามถนนอินซาดงในระยะทาง 700 เมตรแห่งนี้ ทำให้เราได้สัมผัสกับวัฒนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิม, งานหัตถกรรม และงานศิลป์ต่างๆ และยังมีความสวยงามของการแต่งร้านค้าต่างๆ ที่มีการออกแบบตกแต่งได้อย่างสวยงามในสไตล์สมัยใหม่แปลกตา ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวกับวัฒนธรรมดั้งเดิม
ตั้งอยู่ที่ Seoul-si Jongno-gu Insa-dong
เว็บไซต์: www.insainfo.or.kr
การเดินทาง
รถไฟใต้ดิน สาย 3 ไปที่ Anguk Station เดินไปทางออกที่ 6 เดินตรงไป 100 เมตรแล้วเลี้ยวซ้าย
รถไฟใต้ดิน สาย 1 ไปที่ Jonggak Station เดินไปออกที่ทางออกที่ 3 เดินตรงไป 300 เมตรแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นเดินตรงไปอีก 100 เมตร ก็จะเข้าสู่ Insa-dong alleyway
พระราชวังเคียงบกคุง (Gyeongbokgung Palace)
เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในสมัยโบราณมีอายุกว่า 600 ปี เป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเกาหลี ในเขตพระราชวังยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน และในบริเวณเดียวกันก็เป็นที่ตั้งของทำเนียบและบ้านพักของประธานาธิบดีเกาหลี
และยังถือว่าเป็นพระราชวังที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุด นอกจากการเดินเยี่ยมชมประติมากรรมร่วมสมัยแล้ว เรายังสามารถชมพิธีการเปลี่ยนเวรราชองค์รักษ์อีกด้วย พิธีนี้เป็นพิธีเปลี่ยนเวรของราชองค์รักษ์ในราชวงศ์โชซอน โดยจะจัดขึ้นทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ในเวลา 11.00น. 14.00น. และ 15.30น. ที่ประตูควางฮวามุน ประตูแทฮันมุน และประตูดนฮวามุน
ตั้งอยู่ที่ Seoul-si Jongno-gu Sejong-ro 1-1
Homepage Gyeongbokgung Palace / Gwanghwamun Square
เวลาทำการ ปิดทำการทุกวันอังคาร
มีนาคม-ตุลาคม 9:00–18:00 (โปรดเข้าชมก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง)
พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 9:00–17:00 (โปรดเข้าชมก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง)
ค่าเข้าชม
รายบุคคล อายุ 19 ขึ้นไป 3,000 วอน / อายุ 7-18 ปี 1,500 วอน
เข้าชมเป็นหมู่คณะ อายุ 19 ขึ้นไป 2,400 วอน / อายุ 7-18 ปี 1,200 วอน
– เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าชมฟรี
– เข้าชมเป็นหมู่คณะ อายุ 19 ขึ้นไป ต้องไม่ต่ำกว่า 20 คน / อายุ 7-18 ขึ้นไป ต้องไม่ต่ำกว่า 10 คน
การเดินทาง
ใช้รถไฟใต้ดินสายที่ 3 มาลงสถานี Gyeongbokgung และออกทางออกที่ 5
ใช้รถไฟใต้ดินสายที่ 5 มาลงสถานี Ganghwamun และออกทางออกที่ 1 เดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร
ตลาดนัมเดมุน (Namdaemun Market)
ถือเป็นตลาดดั้งเดิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี และเป็นตลาดศูนย์กลางการค้าส่ง ที่มีสินค้าหลากหลายในราคาที่ไม่แพง ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องใช้ภายในบ้าน อาหาร เครื่องแก้ว เครื่องใช้ เครื่องประดับ ของขวัญ เครื่องกีฬา กระเป๋า เสื้อผ้า เป็นต้น
ตั้งอยู่ที่ Seoul-si Jung-gu Namchang-dong 49
เว็บไซต์: www.ndm.me
เวลาเปิดทำการ 11:00–3:00 ปิดทำการทุกวันอาทิตย์
การเดินทาง
รถไฟใต้ดิน สาย 4 ลงที่ Hoehyeon Station เดินออกทางออกที่ 5
หอคอยกรุงโซล (N’ Seoul Tower)
เป็นจุดชมวิวหลัก และเป็น 1 ใน 18 หอคอยสูงที่สุดของโลก กิจกรรมยอดนิยมจนเสมือนจะเป็นประเพณีของคู่รัก ที่มาเยือนหอคอยแห่งนี้ คือ การคล้องกุญแจแห่งรัก
โดยแยกเป็น 3 โซน ได้แก่ Tower, Plaza และ Lobby เป็นจุดที่สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของกรุงโซลยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังมี Teddy Bear Museum, หอดูดาว, พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งโลก จัดแสดงวัตถุโบราณมากกว่า 20,000 ชิ้นจาก 150 ประเทศ, สวนสนุก, ภัตตาหาร และโรงภาพยนตร์ 3 มิติ
ตั้งอยู่ที่ Seoul-si Yongsan-gu Yongsandong 2-ga San 1-3
Homepage nseoultower.co.kr
เวลาทำการ เปิดทุกวัน
อาทิตย์-พฤหัสบดี หอดูดาว 10:00–23:00/ ภัตตาหาร 11:00–23:00/ Teddy Bear Museum 10:00–22:00
ศุกร์-เสาร์ หอดูดาว 10:00–24:00/ ภัตตาหาร 11:00–24:00/ Teddy Bear Museum 10:00–18:00
ค่าเข้าชม
หอดูดาว อายุมากกว่า 18 ปี 9,000 วอน/ อายุ 13-17 ปี 7,000 วอน/ อายุต่ำกว่า 12 ปี 5,000 วอน
Teddy bear Museum อายุมากกว่า 18 ปี 8,000 วอน/ อายุ 13-17 ปี 6,000 วอน/ อายุต่ำกว่า 12 ปี 5,000 วอน
การเดินทาง
รถไฟใต้ดินสายที่ 3 และ 4 ลงที่สถานี Chungmuro ออกทางออกที่ 2 และขึ้นรถประจำทางสาย 2 ลง N Seoul Tower (ตารางรถ 08:00 ถึง 24:00 น./ ออกทุกๆ 8 นาที/ ระยะเวลาการเดินทาง 15 นาที)
รถไฟใต้ดินสายที่ 6 ลงที่สถานี Itaewon ออกทางออกที่ 4 และขึ้นรถประจำทางสาย 3 ลง N Seoul Tower (ตารางรถ 08:00 ถึง 23:00 น./ ออกทุกๆ 10 นาที/ ระยะเวลาการเดินทาง 15 นาที)
คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon Stream)
เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจกลางเมือง มีสะพานข้ามคลองทั้งหมด 22 สะพาน
การเดินเรียบเล่นไปตามคลองชองเกชอน ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ได้แก่ ประตูโอกันซูมุน (Site of Ogansumun Gate), บริเวณที่ใช้ซักผ้าในยุคโบราณ (Historic Laundry Site) และอื่นเรียงรายไปทั้งสองข้างฝั่งของคลอง นอกจากนี้สองข้างฝั่งถนนริมลำธารยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร และบาร์ให้นั่งดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและเสน่ห์ทั้งในยามกลางวันและยามค่ำคืน
ตั้งอยู่ที่ Seoul-si Jongno-gu Changsin1-dong
Homepage cheonggye.seoul.go.kr
เวลาเปิดทำการ ตลอดทั้งวัน หากเป็นช่วงเวลาค่ำจะได้เห็นความสวยงามของไฟประดับบริเวณน้ำพุใหญ่ตั้งอยู่ในชองเกพลาซ่า
การเดินทาง สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟใต้ดิน สาย 1-5 โดยลงตามสถานีต่อไปนี้…
สาย 1: City Hall Station, Jonggak Station, Jongno 3-ga Station, Jongno 5-ga Station, Dongdaemun Station, Sinseoldong Station
สาย 2: Euljiro 1-ga Station, Euljiro 3-ga Station, Euljiro 4-ga Station, Sindang Station, Sangwangsibni Station
สาย 3: Jongno 3-ga Station
สาย 4: Dongdaemun History & Culture Park Station
สาย 5: Gwanghwamun Station
สวนสนุกโซลแลนด์ (Seoul Land)
สวนสนุกโซลแลนด์ เป็นสวนสนุกแห่งแรกของเกาหลีที่มีทิวทัศน์สวยงามล้อมรอบด้วยภูเขา Cheonggyesan จัดรูปแบบเป็น ‘World Square’ ที่สามารถชื่นชมไปกับสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของเกาหลี และทั่วทุกมุมโลก มีเครื่องเล่นหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ 40 rollercoasters, Black Hole 2000, Galaxy Train, Rapid Current Ride, Magic Carpet, Movie Theater, Story Land และอื่นๆ
ยังมีการจัดแสดงงานเทศกาลที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลที่ไม่ซ้ำกันในช่วงเย็น เช่น เทศกาลทิวลิป ที่จัดในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม, เทศกาลเบญจมาศเทศในเดือนกันยายนถึงตุลาคม และเทศกาลโคมไฟในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นต้น
ตั้งอยู่ที่ Gyeonggi-do Gwacheon-si Makgye-dong 33 Seoul Land
เว็บไซต์: www.seoulland.co.kr
เวลาเปิดทำการ เวลาเปิด 09:30 เวลาปิด 18:00–22:00
ชั่วโมงในการทำการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล กรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนการเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ www.seoulland.co.kr
ค่าเข้าชม
กรุณาตรวจสอบอัตราค่าเข้าชมที่เว็บไซต์ www.seoulland.co.kr
การเดินทาง
รถไฟใต้ดิน สาย 4 ลงที่ Seoul Grand Park Station เดินออกทางออกที่ 2 จากนั้นเดินตรงผ่านสวนสาธารณะไปประมาณ 500 เมตร จะถึงวงเวียนที่มีแผนที่และป้ายบอกทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน Seoul Grand Park
การไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใน Seoul Grand Park ทำได้ 3 วิธีคือ
โดย Shuttle Train โดยเดินตรงต่อไปยังอาคารด้านหลังวงเวียน เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ และขึ้นแต่ละจุดของสถานที่ท่องเที่ยว ค่าโดยสารคนละ 800 วอนต่อจุดท่องเที่ยว
โดย Skylift หากเราเริ่มเดินไปทางขวามือของวงเวียนจะพบกับ Skylift เป็นเคเบิ้ลคาร์สำหรับเที่ยวชมในมุมสูง
โดยการเดินเท้า โดยเริ่มเดินไปทางขวามือของวงเวียนจะผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆ ตามลำดับดังนี้
Hobby In World อยู่ถัดจาก Skylift สวนสัตว์กรุงโซล (Seoul Zoo) เดินต่อจาก Hobby In World โดยเดินผ่านทะเลสาบและเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร สวนสัตว์จะอยู่ขวามือของเรา พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งชาติ (National Museum Of Contemporary Art) สามารถเดินต่อจากสวนสัตว์กรุงโซล ไปอีก 200 เมตร โซลแลนด์ (Seoul Land) อยู่ถัดจากพิพิธภัณฑ์ไปอีก 200 เมตร
พิพิธภัณฑ์แสตมป์เกาหลี (Korea Stamp World)
ตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของ Seoul Central Post Office (Post Tower) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับแสตมป์ และเป็นสถานที่สำคัญในการค้นคว้าและแลกเปลี่ยนข้อมูลของเหล่านักสะสมแสตมป์ โดยการจัดแสดงประกอบไปด้วยแกลลอรี่ประวัติศาสตร์การบริการทางไปรษณีย์ แสตมป์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ตั้งอยู่ที่ Seoul-si Jung-gu Chungmuro1-ga 21 POST TOWER, B2
เวลาเปิดทำการ 09:00-18:00
เข้าชมรอบสุดท้าย 30 นาทีก่อนเวลาปิดทำการ
ปิดทำการในวันขึ้นปีใหม่, วันหยุดซอลลัล (วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติของเกาหลี), วันชูซอก และวันหยุดแห่งชาติ
ค่าเข้าชม ฟรี
การเดินทาง
โดยรถไฟใต้ดิน สาย 4 ไปที่ Myeongdong Station เดินออกทางออกที่ 5 และเดินตรงไปที่สี่แยกไฟแดง (จุดสังเกตจะเห็นห้าง Shinsegae อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน) ที่สี่แยกไฟแดงนี้ให้เลี้ยวขวาและเดินตรงไปอีกประมาณ 50 เมตร ก็ถึงตึก Seoul Central Post Office (Post Tower) อยู่ขวามือเรา สำหรับ Korea Stamp World จะอยู่ใต้ตึกนี้
ถนนซัมจองดอง-กิล (Samcheongdong-gil Street)
ถนนซัมจองดองกิล ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Gyeongbokung Palace และ Cheongwadae มีความยาวโดยประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นถนนที่เรียงรายไปด้วยบ้านเกาหลีแบบดั้งเดิม ที่ได้รับการออกแบบและปรับปรุงใหม่ด้วยการผสมผสานกันระหว่างแบบดั้งเดิมและการทำให้ทันสมัยได้อย่างลงตัว เพื่อสร้างบรรยากาศให้สวยงามและไม่จำเจ
ตลอดสองฝั่งของถนนจะมีร้านกาแฟ, แกลเลอรี่ ร้านค้างานศิลปะและหัตถกรรม ร้านค้าสินค้าอื่นๆ ร้านอาหาร และรวมไปถึงหอแสดงผลงานทางศิลปะ
การเดินทาง
โดยรถไฟใต้ดิน สาย 3 ไปที่ Anguk Station เดินออกทางออกที่ 2 หรือเราสามารถแวะเดินเล่นที่ถนนสายนี้ หล้งจากการเยี่ยมชม Gyeongbokung Palace โดยถนนแห่งนี้จะอยู่ด้านขวาของ Gyeongbokung Palace
สวนสัตว์กรุงโซล (Seoul Zoo)
สวนสัตว์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณ Seoul Grand Park โดยรวบรวมสัตว์ที่หากยากกว่า 360 ชนิด และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กว่า 3,200 สิ่งจากทั่วโลก โดยการแบ่งโซนตามแหล่งกำเนิดและสายพันธุ์เป็นหลัก นอกเหนือการจัดแสดงปลาโลมาที่เป็นการแสดงสำคัญของสวนสัตว์แล้ว ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ที่มีพันธุ์พืชกว่า 1,300 ชนิดของพืช และผู้เข้าชมยังสามารถพักผ่อนหย่อนใจกับบริเวณต่างๆ ที่จัดไว้ได้อย่างลงตัว
ตั้งอยู่ที่ Gyeonggi-do Gwacheon-si Makgye-dong 159-1
เว็บไซต์: grandpark.seoul.go.kr
เวลาเปิดทำการ ทุกวัน การเข้าชมรอบสุดท้าย 1 ชั่วโมงก่อนเวลาปิดทำการ
ฤดูร้อน 09:00–19:00
ฤดูหนาว 09:00–18:00
17 กรกฎาคม–28 สิงหาคม 09:00–22:00
ค่าเข้าชม
สวนสัตว์
ผู้ใหญ่อายุ 19 ปีขึ้นไป 3,000 วอน / แบบกลุ่ม (30 คนขึ้นไป) 2,100 วอน
เยาวชนอายุ 13-18 ปี 2,000 วอน / แบบกลุ่ม (30 คนขึ้นไป) 1,400 วอน
เด็กอายุ 4-12 ปี 1,000 วอน / แบบกลุ่ม (30 คนขึ้นไป) 700 วอน
การแสดงปลาโลมา: ผู้ใหญ่ 2,000 วอน/ วัยรุ่น 1,500 วอน/ เด็ก 1,000 วอน
การเดินทาง
รถไฟใต้ดิน สาย 4 ลงที่ Seoul Grand Park Station เดินออกทางออกที่ 2 จากนั้นเดินตรงผ่านสวนสาธารณะไปประมาณ 500 เมตร จะถึงวงเวียนที่จะมีแผนที่และป้ายบอกทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน Seoul Grand Park
การไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใน Seoul Grand Park ทำได้ 3 วิธีคือ
โดย Shuttle Train โดยเดินตรงต่อไปยังอาคารด้านหลังวงเวียน เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ และขึ้นแต่ละจุดของสถานที่ท่องเที่ยว ค่าโดยสารคนละ 800 วอนต่อจุดท่องเที่ยว
โดย Skylift หากเราเริ่มเดินไปทางขวามือของวงเวียนจะพบกับ Skylift เป็นเคเบิ้ลคาร์สำหรับเที่ยวชมในมุมสูง
โดยการเดินเท้า โดยเริ่มเดินไปทางขวามือของวงเวียนจะผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆ ตามลำดับดังนี้
Hobby In World อยู่ถัดจาก Skylift สวนสัตว์กรุงโซล (Seoul Zoo) เดินต่อจาก Hobby In World โดยเดินผ่านทะเลสาบและเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร สวนสัตว์จะอยู่ขวามือของเรา
ภาพประกอบ http://www.hungrytrojan.com http://www.skyscrapercity.com http://www.jointtravel.com https://teacherspage.wordpress.com http://imgkid.com http://www.cntravelre.com https://benjaminexplores.wordpress.com http://www.touristlink.com http://www.pleasetakemeto.com https://carmenintheworld.wordpress.com https://sites.google.com http://writingthroughthefog.com
ที่มา http://www.jointtravel.com/
[Update] แบกเป้เที่ยวเกาหลีด้วย 16 มุมมองใหม่ ๆ ที่ต้องไปโดน | เกาหลี ที่เที่ยว – Sonduongpaper
สวัสดีค่ะ เห็นหลายคนขอยืม Account ของเพื่อนมาตั้งกระทู้
แต่กระทู้นี้ของเรากลับกันค่ะ Account พันทิปเป็นของเรา
แต่เราขอเนื้อหาแล้วก็รูปของเพื่อนมาโพสต์
เพราะเห็นว่ามีประโยชน์สำหรับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวประเทศเกาหลี
แต่เพื่อนเราดันไม่มี Account พันทิปซะอย่างงั้น
เพื่อนเราอยู่ที่นู่นมาหลายปีก็เลยมีข้อมูลอยู่พอสมควร
บางทีข้อมูลและรูปสวย ๆ
ในกระทู้นี้อาจจะทำให้หลายคนได้เห็นประเทศเกาหลีในมุมมองใหม่ ๆ
(ป.ล. นอกจากข้อความข้างบนแล้ว ข้อมูลและรูปสวย ๆ ที่จะเห็นต่อไปนี้เป็นของเพื่อนเราทั้งหมด ^^)
1. พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)
พระราชวังคย็องบก เป็นวังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 5 วัง ในกรุงโซล สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1394
และเป็นพระราชวังหลักที่ใช้ประทับว่าราชการของกษัตริย์ราชวงศ์โชซอนมาโดยตลอด
เดิมทีมีกว่า 200 อาคาร
แต่โดนเผาและทุบทำลายไปเป็นจำนวนมากโดยกองทัพญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1592
ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนของอาคารเดิมที่หลงเหลืออยู่เข้ากับวัสดุใหม่
การเดินทางนั้นง่ายมาก เพียงนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Gyeongbokgung สาย 3 หรือ Gwanghwamun สาย 5
ค่าเข้าชม : 3,000 วอน
*** ปิดทุกวันอังคาร ส่วนเวลาปิด-เปิดนั้นจะไม่เหมือนกันตามแต่ฤดู (ฤดูหนาวจะปิดเร็วกว่า เพราะมืดเร็ว)
2. กำแพงรอบตำหนักจากย็องจอน (Jagyeongjeon Chamber)
ตำหนักจากย็องจอนเป็นหนึ่งในอาคารที่อยู่ในพระราชวังคย็องบก
สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ประทับของพระพันปีหลวง (แม่ของกษัตริย์)
เคยถูกไฟไหม้จนหมด และได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1888
ภายหลังได้รับการประกาศให้เป็นสมบัติแห่งชาติลำดับที่ 809 ของเกาหลี
จุดเด่นของตำหนักนี้ก็คือกำแพงที่มีลวดลายสวยงาม ซึ่งแตกต่างจากตำหนักอื่น ๆ
ในพระราชวังเดียวกัน
3. ปากน้ำโพแห่งโซลบุรี (จุดที่สายน้ำบรรจบกัน)
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อคลองชองเกชอน (Cheonggyecheon) จริงๆ ในภาษาเกาหลีมันไม่ได้เรียกว่าคลอง มันคือ “แม่น้ำสายย่อม ๆ (ชอน = 천[川])” ชองเกชอนดังเพราะหนังเรื่อง “กวนมึนโฮ” (ฉากที่นางเอกโดนแฟนทิ้ง)
เป็นคลองที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากที่โดนสร้างสะพานคร่อมทับอยู่หลายปี
ถ้าเดินเลียบคลองนี้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 8 กิโลเมตร
ก็จะเจอจุดรวมกับคลองอีกสายหนึ่งที่ไม่ค่อยดัง ชื่อว่า จุงนังชอน
(Jungnangcheon)
เดินลงมาอีกสักพักหนึ่งก็จะเจอจุดที่คลองทั้งสองไหลลงแม่น้ำฮัน (Hangang
หรือ Han River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลตัดผ่านกลางกรุงโซล
นับว่าเป็นตำบลปากน้ำโพแห่งโซลบุรีแห่งนี้นี่เอง
ภาพนี้ถ่ายบนยอดเขาชื่อ อึงบงซาน (Eungbongsan)
ใครที่สนใจสามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย จุงอัง (Jungang Line) มาลงที่สถานีอึงบง
(Eungbong Station) แล้วเดินตามป้ายไปเรื่อย ๆ เขาลูกนี้นับว่าเบบี๋มาก
เดินไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงยอดแล้ว (อย่าเรียกว่าเขาเลย เรียกเนินดีกว่า)
4. เอาเท้าจุ่มน้ำที่ชองเกชอน (Cheonggyecheon)
แต่เดิมแล้วชองเกชอนเป็นคลองธรรมชาติที่ไหลผ่านเขตเมืองเก่าของกรุงโซล
แต่แล้วธรรมชาตินั้นก็ถูกมนุษย์รุกราน
หากใครนึกภาพไม่ออกว่าสภาพของคลองนี้ในอดีตเป็นอย่างไร
ให้นึกถึงคลองแสนแสบของบ้านเราเป็นที่ตั้งแล้วบวกความเสื่อมโทรมไปอีก 10
เท่า แถมสมัยหนึ่งยังมีการสร้างถนนทับคลองให้รถวิ่งอีกด้วย
จนถึงปี ค.ศ. 2003 ทางรัฐบาลเกาหลีจึงมีแนวคิดที่จะปฏิรูปคลองนี้
และสร้างให้เป็นสวนสาธารณะให้ชาวกรุงโซลได้มาพักผ่อนหย่อนใจ
จึงทำการรื้อถนนและขยายพื้นที่ของคลองออก และสร้างระบบเดินน้ำใหม่
โดยการนำน้ำจากแม่น้ำฮันมากรองและปล่อยลงที่ต้นคลองให้ไหลตลอดความยาว 10.84
กิโลเมตร และไหลลงแม่น้ำฮันเป็นลูปไป จากคลองเน่า ๆ ที่แห้งขอดในหน้าแล้ง
ก็กลายเป็นแม่น้ำสวย ๆ
ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาโยนเหรียญอธิษฐานกันที่ต้นคลองอย่างในปัจจุบัน
5. อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea)
อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนรุ่นหลังรำลึกถึงความเสียสละของเหล่าทหารที่จากไปในระหว่างสงครามเกาหลี
หลายคนคงอาจไม่รู้ว่าเหตุผลที่คนไทยสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ได้นาน
90 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า
เป็นเพราะรัฐบาลเกาหลีต้องการตอบแทนทางฝั่งไทยที่ส่งทหารมาร่วมรบในสงครามนี้
นอกจากสงครามเกาหลีแล้ว
ที่นี่ก็ยังมีห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์ของสงครามที่เกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีตลอด
5,000 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย ใครสนใจมาเที่ยวก็ไม่ยากเลย
แค่ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีซัมกักจี (Samgakji Station) และออกทางออกที่ 12
6. สวนกุหลาบที่ Dongdaemun Design Plaza (DDP)
ดอกกุหลาบไฟ LED จำนวน 25,550 ดอก
ได้ถูกนำมาจัดแสดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฉลองครบรอบ 70 ปี
ที่เกาหลีประกาศเอกราชจากการยึดครองของญี่ปุ่น (365 วัน X 70 ปี = 25,550
ดอก) เปิดไฟทุกวันตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม จนถึง 4 ทุ่ม (แต่เคยไปมา 5
ทุ่มแล้วก็ยังเปิดอยู่นะ)
อันนี้ขอแนะนำว่าถ้าใครไม่มีเวลาให้มาดูตอนกลางวันก็จะได้อีกบรรยากาศหนึ่ง
สวยไปอีกแบบ
ใครที่สนใจให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี
Dongdaemun History & Culture Park Station แล้วเดินออกมาทาง
Dongdaemun Design Plaza (DDP) ได้เลย หาง่ายมาก ๆ อ้อ … มีจนถึงวันที่
29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เท่านั้นนะ
7. วัดบงวอนซา (Bongwonsa Temple)
วัดบงวอนซา เป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกายแทโก (Taego Order)
ในเกาหลี (ที่เกาหลีมีศาสนาพุทธหลัก ๆ อยู่ 2 นิกาย)
พระสงฆ์นิกายนี้สามารถแต่งงานได้ วัดบงวอนซาตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นเขาอันซาน
(Ansan Mountain) ซึ่งใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University)
วิธีมาก็ไม่ยาก (แต่ต้องเดินเก็บเลเวลกันนิด)
ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีชินชน (Sinchon Station)
แล้วเดินไปทางมหาวิทยาลัยยอนเซ
ลัดเขาและออกประตูด้านตะวันออกของมหาวิทยาลัย (East Gate)
แล้วเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ เสียเหงื่อสักนิดก็ถึงแล้ว
ถ้าใครอยากดูดอกบัวให้มาช่วงฤดูร้อน (กลางกรกฎาคม-สิงหาคม)
8. พระราชวังชังด็อก (Changdeokgung Palace)
อินจ็องจอน (Injeongjeon)
คือชื่อของพระที่นั่งหลักที่อยู่ในพระราชวังชังด็อก
อีกวังหนึ่งที่อยู่ในเมืองเก่าของกรุงโซล
วังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังคย็องบก
ผู้คนจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังตะวันออก
เกาหลีโดนญี่ปุ่นรุกรานมา 2 ครั้งใหญ่ (จริง ๆ ก็มีอยู่เรื่อยมา)
ก็คือช่วงสมัยต้นราชวงศ์โชซอน (โดยขุนศึกญี่ปุ่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ)
และสมัยช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
แค่ครั้งแรกกองทัพญี่ปุ่นก็ได้เข้ามาเผาทำลายวังต่าง ๆ ในโซลเกือบทั้งหมด
รวมทั้งพระราชวังชังด็อกด้วย
เมื่อสงครามสงบพระราชวังชังด็อกก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
แล้วใช้เป็นที่ว่าราชการของกษัตริย์ในระหว่างที่ทำการบูรณะพระราชวังคย็องบก
สิ่งที่เป็น The Must ของการมาเที่ยววังนี้ก็คือ “สวนลับ” (Secret Garden) นั่นเอง
การเดินทางมาที่วังนี้ ให้ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีอันกุก (Anguk
Station) แล้วเดินออกทางออกที่ 2 แล้วตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร
9. สวนดอกไม้ที่ Olympic Park
Olympic Park สวนที่มีอะไรให้ดูมากกว่าต้นไม้
เพราะว่าเป็นเขตเมืองโบราณของอาณาจักรแพ็กเจ
มีทั้งแนวกำแพงเมืองและพิพิธภัณฑ์
ใครสนใจมาเที่ยวที่นี่ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Olympic Park Station
เดินออกทางออกที่ 3 แล้วเดินตรงไปเรื่อย ๆ จะเจอสวนกุหลาบและทุ่งดอกไม้
(รูปที่เห็นนี้เป็นรูปที่ถ่ายช่วงเดือนกันยายน)
10. สวนฮานึล (Haneul Park)
สวนฮานึล หรือเรียกอีกชื่อว่า Sky Park (“ฮานึล” ในภาษาเกาหลีแปลว่า “ท้องฟ้า”) เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะทั้ง 5 ที่เรียกรวมกันว่าสวนเวิลด์คัพ (World Cup Park)
สวนนี้สร้างขึ้นในโอกาสที่เกาหลีและญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี
ค.ศ. 2002 โดยพื้นที่ตั้งของสวนทั้งหมดนี้เคยเป็นกองภูเขาขยะ
ที่ไม่สามารถกำจัดได้ทันเนื่องจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของกรุงโซล
ลองนึกภาพว่าตรงนั้นเคยเป็นกองขยะที่มีปริมาณมากถึง 92 ล้านตัน
และใช้เวลากว่า 6 ปีในการปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมา
ปัจจุบันบริเวณนี้ถูกสร้างให้เป็นสวนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และยังสามารถผลิตก๊าซที่เกิดจากการหมักหมมของขยะที่ถูกฝังอยู่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีกด้วย
สวนฮานึลมีชื่อเสียงเนื่องจากอยู่บนภูเขา
(ที่เกิดจากการถมกองขยะนั่นแหละ)
สามารถเห็นวิวแม่น้ำฮันและวิวกรุงโซลฝั่งตะวันตกได้
นอกจากนี้ในฤดูใบไม้ร่วงของทุกปียังมีเทศกาลหญ้ามิสแคนทัส
(ภาษาเกาหลีเรียกว่า “อ็อกแซ, 억새”) ที่จะบานสะพรั่งปลิวไสวไปตามลมหนาว เป็นวิวที่สวยและแปลกตาไปอีกแบบ
11. โบสถ์เมียงดง (Myeongdong Cathedral)
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่านอกจากเมียงดงจะเป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลีแล้ว
ยังเป็นสถานที่อันสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งสังคมและศาสนาอีกด้วย
หากมาเดินช้อปปิ้งที่เมียงดง อยากให้เพื่อน ๆ
เจียดเวลาสักครู่เดินขึ้นมาตามถนนสายหลัก ก็จะเจอโบสถ์คาทอลิกทางด้านขวามือ
โบสถ์นี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่า The Cathedral Church of the Virgin Mary of the
Immaculate Conception แต่มันยาวไป ไม่มีใครเรียกหรอก เค้าเรียกกันสั้น ๆ
ว่า “โบสถ์เมียงดง”
โบสถ์แห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892
หรือตั้งแต่สมัยที่ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกได้เริ่มเผยแผ่เข้ามาในคาบสมุทรเกาหลี
(ตรงกับราชวงศ์โชซอน) มีเอกลักษณ์ที่สำคัญคือสร้างขึ้นจากอิฐแดงและกระจกสี
นอกจากโบสถ์นี้จะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกให้กับประชาชนชาวเกาหลีแล้ว
ที่นี่ยังเคยเป็นศูนย์กลางที่ประชาชนมาร่วมชุมนุมกันเพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารในช่วงปี
ค.ศ. 1970-1980
และยังเป็นสถานที่หลบภัยของบรรดาผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคนอีกด้วย
แม้กระทั่งในปัจจุบัน
บริเวณลานหน้าโบสถ์ก็ยังถูกใช้เป็นสถานที่รวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่เนือง
ๆ
12. Korean Folk Village (한국민속촌)
Korean Folk Village เป็นหมู่บ้านที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองบรรยากาศ
และวิถีชีวิตความเป็นอยู่สมัยราชวงศ์โชซอนยุคปลาย
(ราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี) บนเนื้อที่กว่า 615 ไร่
รวบรวมเอาบ้านและอาคารจากภูมิภาคต่าง ๆ ในเกาหลีมาไว้ในนี้ถึง 260 หลัง
โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ภูเขา และลำธาร (ธรรมชาติแน่นอน
เพราะต้องนั่งรถออกมาจากโซลประมาณ 1 ชม.)
มีการสาธิตการใช้ชีวิตตามวิถีของคนในสมัยนั้น
นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำเวิร์กช็อปต่าง ๆ เช่น ปั้นหม้อ (โอ่ง, ไห) ดูดวง
ดูโหงวเฮ้งตามตำราเกาหลีโบราณ ขี่ม้า ฮ้าไฮ่ … อะไรก็ว่ากันไป
นอกจากนี้ยังมีการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสืบสวนผู้ต้องสงสัย
การแสดงระบำรำฟ้อนต่าง ๆ
รับรองว่าเมื่อผ่านประตูเข้ามาจะรู้สึกว่าหลุดเข้ามาในอีกยุคหนึ่งเลยทีเดียว
(พนักงานในนี้พูดภาษาเกาหลีโบราณหมด)
นอกจากนี้หมู่บ้านนี้ยังใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำซีรีส์แนวย้อนยุคอีกหลายต่อหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นติ่งตามละคร
หรือว่าตากล้องแนวธรรมชาติก็มาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกลัวเสียเที่ยว
หากใครสนใจจะเดินทางมาที่นี่ให้เผื่อเวลาเอาไว้เลย 1 วันเต็ม ๆ
วิธีเดินทางก็มีหลากหลายวิธีมาก วิธีที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถไฟมาลงที่สถานี
Suwon แล้วนั่งรถรับส่งที่มีบริการฟรีต่อไปอีกประมาณ 30 นาที
ส่วนเวลานั้นสามารถเช็กได้ที่เว็บนี้
13. ป่าแห่งกรุงโซล (Seoul Forest)
Seoul Forest (서울숲) เป็นสวนสาธารณะที่เปิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
ค.ศ. 2005
แต่เดิมนั้นเป็นป่าธรรมชาติที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอนใช้ล่าสัตว์
และเป็นพื้นที่ที่ใช้ตรวจแถวทหารและรวบรวมกำลังพล
แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เรียกว่า “ตุ๊กซอม” (แปลว่า “เกาะตุ๊ก”, Ttuk Island) แต่มันไม่ใช่เกาะแต่อย่างใด แต่เป็นแหลมที่อยู่ระหว่างแม่น้ำฮันและคลองชองเกชอน จนทำให้ดูเหมือนเป็นเกาะ ส่วนชื่อ “เกาะตุ๊ก” นั้น ก็มิได้ตั้งขึ้นเพราะมีเจ้าของชื่อตุ๊กแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะสมัยโบราณนั้น
เมื่อมีการตรวจแถวทหารหรือเคลื่อนขบวนจะมีการตั้งธง “ดุกกี (纛旗)” (เป็นชื่อของธง) คนสมัยนั้นจึงเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่า “ดุกซอม” แล้วเพี้ยนมาเป็น “ตุ๊กซอม” ในปัจจุบัน
สวนสาธารณะแห่งนี้นอกจากจะมีต้นไม้และวิวเก๋ ๆ ให้ถ่ายรูปแล้ว
ยังสามารถเช่ารถจักรยานปั่นรอบสวน
หรือจะลงไปปั่นบนถนนเลียบแม่น้ำฮันก็จะได้เห็นวิวที่สวยไม่แพ้กัน
สำหรับใครที่จะเดินทางมาเที่ยว ให้ขึ้นรถไฟฟ้าสาย Bundang (สีเหลือง) แล้วลงที่สถานี Seoul Forest (서울숲) ได้เลย
14. สุสานอึยรึง (Euireung)
“อึยรึง” คือชื่อของสุสานที่ฝังศพของกษัตริย์กยองจง (Gyeongjong, 景宗, ค.ศ.
1688-1724) กษัตริย์องค์ที่ 20 แห่งราชวงศ์โชซอน
(ราชวงศ์โชซอนมีกษัตริย์ทั้งหมด 27 องค์) กับพระราชินีซอนอึย
เป็นหนึ่งในสุสานกษัตริย์ทั้งหมด 42 แห่ง (40 แห่งในเกาหลีใต้ และ 2
แห่งในเกาหลีเหนือ) และสุสานทุกแห่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจาก
UNESCO ในชื่อของ Royal Tombs of the Joseon Dynasty
หากใครอยากมาเยี่ยมชมสุสานแบบนี้ ให้เลือกเอาตามใจชอบได้เลย เพราะว่ามีหลายแห่งกระจายอยู่ทั้งในกรุงโซลและจังหวัดใกล้เคียง
คำว่า รึง [陵] (ลึง, นึง
อันนี้จะเปลี่ยนเสียงไปตามตัวสะกดของพยางค์หน้าตามกฎการเปลี่ยนเสียงในภาษาเกาหลี)
หมายถึงสุสานที่ใช้ฝังศพขอกษัตริย์นั่นเอง
เพราะฉะนั้นถ้าใครมาเที่ยวในโซลแล้วเจอสถานีรถไฟฟ้าที่ลงท้ายด้วยคำนี้ก็แสดงว่ามีสุสานอยู่
เช่น สถานี Seolleung (ซอลลึง), 태릉 (แทรึง)
ดูจากรูปจะเห็นทางเข้าสุสานเป็นทางเดินหินที่มีเส้นตรงกลาง
คนที่นี่เชื่อว่าทางเดินนี้เป็นทางผ่านของวิญญาณ ห้ามเดินเหยียบ
เพราะว่าจะทำให้ฝันร้ายหรืออาจจะเกิดโชคไม่ดี (ใครอยากลองก็เชิญได้นะ อิอิ)
잡상 (雜像), จับซัง
คือตุ๊กตากระเบื้องที่ติดเอาไว้บนหลังคาอาคารต่าง ๆ
ในวังหรือสุสานของกษัตริย์ เชื่อว่าจะช่วยขับไล่วิญญาณร้ายต่าง ๆ
ที่อยู่บนฟ้า ไม่ให้เข้ามาก่อกวนหรือทำอันตรายภายในตัวอาคาร
15. ป่าแห่งความฝัน (Dream Forest)
คือสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของกรุงโซล
มีชื่อเป็นทางการว่าป่าแห่งความฝันแห่งโซลเหนือ (북서울 꿈의 숲)
ทางกรุงโซลได้ทำการปรับปรุงและเปิดสวนนี้ขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2009
เป็นสวนสาธารณะที่มีเนื้อที่กว้างเป็นอันดับที่ 4 ในกรุงโซล
ภายในสวนสาธารณะมีอาคารอเนกประสงค์ที่สร้างเป็นสโลป
สามารถขึ้นไปชมวิวทางเหนือของกรุงโซลได้โดยรอบ
(และเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่อง IRIS … อันนี้จำเขามา)
นอกจากอาคารนี้แล้วในสวนยังมีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ ลานน้ำพุ
และสระน้ำขนาดใหญ่อีกด้วย
สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวสามารถเดินทางมาโดย
1. รถไฟฟ้า สาย 4 สถานี Mia Samgeori ทางออกที่ 1 แล้วนั่งรถบัสสาย 9 หรือ 11 มาอีก 10 นาที และลงที่ป้าย Dream Forest
2. รถไฟฟ้า สาย 6 สถานี Dolgoji ทางออกที่ 3 แล้วนั่งรถบัสสาย 147 มาอีก 5 นาที และลงที่ป้าย Dream Forest
ปิดท้ายด้วยวิวสวย ๆ ที่อ่าวซุนชอนค่ะ
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ
ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวประเทศเกาหลีนะคะ ^^
16. ทุ่งต้นกกที่อ่าวซุนชอน (Suncheon Bay)
อ่าวซุนชอนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetland)
แห่งแรกในเกาหลีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในสนธิสัญญาแรมซาร์ (Ramsar
Convention) เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ เช่น นก ปู ปลา หอย
และพืชทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลี
จุดเด่นของอ่าวนี้อีกอย่างคือมีทุ่งต้นกกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี
และที่เด่นอีกอย่างคือจะมีคู่รักชาวเกาหลีมาสวีทกันเยอะมาก
สำหรับคนที่ต้องการมาที่นี่ ต้องเดินทางมาที่เมืองซุนชอน (Suncheon)
ซึ่งอยู่ที่จังหวัดชอลลานัมโด (ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สุด)
ใช้เวลานั่งรถบัสจากสถานี Central City Terminal ในกรุงโซลประมาณ 4-5
ชั่วโมง แล้วแต่สภาพการจราจร เมื่อถึง Suncheon Terminal
แล้วให้นั่งรถบัสหรือรถแท็กซี่ไปยังทางเข้าอ่าวซุนชอนได้เลย
(ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสจากสถานีซุนชอนประมาณ 30 นาที)
ป.ล. 1 ถ้าอยากดูต้นกกสวย ๆ แนะนำให้มาในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน
ป.ล. 2 เปิดให้เข้าตั้งแต่ 08.00 น. ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
และ
สวัสดีค่ะ เห็นหลายคนขอยืม Account ของเพื่อนมาตั้งกระทู้ แต่กระทู้นี้ของเรากลับกันค่ะ Account พันทิปเป็นของเรา แต่เราขอเนื้อหาแล้วก็รูปของเพื่อนมาโพสต์ เพราะเห็นว่ามีประโยชน์สำหรับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวประเทศเกาหลี แต่เพื่อนเราดันไม่มี Account พันทิปซะอย่างงั้น เพื่อนเราอยู่ที่นู่นมาหลายปีก็เลยมีข้อมูลอยู่พอสมควร บางทีข้อมูลและรูปสวย ๆ ในกระทู้นี้อาจจะทำให้หลายคนได้เห็นประเทศเกาหลีในมุมมองใหม่ ๆเป็นวังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 5 วัง ในกรุงโซล สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1394 และเป็นพระราชวังหลักที่ใช้ประทับว่าราชการของกษัตริย์ราชวงศ์โชซอนมาโดยตลอด เดิมทีมีกว่า 200 อาคาร แต่โดนเผาและทุบทำลายไปเป็นจำนวนมากโดยกองทัพญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1592 ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนของอาคารเดิมที่หลงเหลืออยู่เข้ากับวัสดุใหม่ตำหนักจากย็องจอนเป็นหนึ่งในอาคารที่อยู่ในพระราชวังคย็องบก สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ประทับของพระพันปีหลวง (แม่ของกษัตริย์) เคยถูกไฟไหม้จนหมด และได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1888 ภายหลังได้รับการประกาศให้เป็นสมบัติแห่งชาติลำดับที่ 809 ของเกาหลี จุดเด่นของตำหนักนี้ก็คือกำแพงที่มีลวดลายสวยงาม ซึ่งแตกต่างจากตำหนักอื่น ๆ ในพระราชวังเดียวกันหลายคนคงเคยได้ยินชื่อคลองชองเกชอน (Cheonggyecheon) จริงๆ ในภาษาเกาหลีมันไม่ได้เรียกว่าคลอง มันคือชองเกชอนดังเพราะหนังเรื่อง(ฉากที่นางเอกโดนแฟนทิ้ง) เป็นคลองที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากที่โดนสร้างสะพานคร่อมทับอยู่หลายปี ถ้าเดินเลียบคลองนี้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 8 กิโลเมตร ก็จะเจอจุดรวมกับคลองอีกสายหนึ่งที่ไม่ค่อยดัง ชื่อว่า จุงนังชอน (Jungnangcheon) เดินลงมาอีกสักพักหนึ่งก็จะเจอจุดที่คลองทั้งสองไหลลงแม่น้ำฮัน (Hangang หรือ Han River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลตัดผ่านกลางกรุงโซล นับว่าเป็นตำบลปากน้ำโพแห่งโซลบุรีแห่งนี้นี่เองภาพนี้ถ่ายบนยอดเขาชื่อ อึงบงซาน (Eungbongsan) ใครที่สนใจสามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย จุงอัง (Jungang Line) มาลงที่สถานีอึงบง (Eungbong Station) แล้วเดินตามป้ายไปเรื่อย ๆ เขาลูกนี้นับว่าเบบี๋มาก เดินไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงยอดแล้ว (อย่าเรียกว่าเขาเลย เรียกเนินดีกว่า)แต่เดิมแล้วชองเกชอนเป็นคลองธรรมชาติที่ไหลผ่านเขตเมืองเก่าของกรุงโซล แต่แล้วธรรมชาตินั้นก็ถูกมนุษย์รุกราน หากใครนึกภาพไม่ออกว่าสภาพของคลองนี้ในอดีตเป็นอย่างไร ให้นึกถึงคลองแสนแสบของบ้านเราเป็นที่ตั้งแล้วบวกความเสื่อมโทรมไปอีก 10 เท่า แถมสมัยหนึ่งยังมีการสร้างถนนทับคลองให้รถวิ่งอีกด้วยจนถึงปี ค.ศ. 2003 ทางรัฐบาลเกาหลีจึงมีแนวคิดที่จะปฏิรูปคลองนี้ และสร้างให้เป็นสวนสาธารณะให้ชาวกรุงโซลได้มาพักผ่อนหย่อนใจ จึงทำการรื้อถนนและขยายพื้นที่ของคลองออก และสร้างระบบเดินน้ำใหม่ โดยการนำน้ำจากแม่น้ำฮันมากรองและปล่อยลงที่ต้นคลองให้ไหลตลอดความยาว 10.84 กิโลเมตร และไหลลงแม่น้ำฮันเป็นลูปไป จากคลองเน่า ๆ ที่แห้งขอดในหน้าแล้ง ก็กลายเป็นแม่น้ำสวย ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาโยนเหรียญอธิษฐานกันที่ต้นคลองอย่างในปัจจุบันอนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนรุ่นหลังรำลึกถึงความเสียสละของเหล่าทหารที่จากไปในระหว่างสงครามเกาหลี หลายคนคงอาจไม่รู้ว่าเหตุผลที่คนไทยสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ได้นาน 90 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า เป็นเพราะรัฐบาลเกาหลีต้องการตอบแทนทางฝั่งไทยที่ส่งทหารมาร่วมรบในสงครามนี้นอกจากสงครามเกาหลีแล้ว ที่นี่ก็ยังมีห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์ของสงครามที่เกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีตลอด 5,000 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย ใครสนใจมาเที่ยวก็ไม่ยากเลย แค่ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีซัมกักจี (Samgakji Station) และออกทางออกที่ 12ดอกกุหลาบไฟ LED จำนวน 25,550 ดอก ได้ถูกนำมาจัดแสดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฉลองครบรอบ 70 ปี ที่เกาหลีประกาศเอกราชจากการยึดครองของญี่ปุ่น (365 วัน X 70 ปี = 25,550 ดอก) เปิดไฟทุกวันตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม จนถึง 4 ทุ่ม (แต่เคยไปมา 5 ทุ่มแล้วก็ยังเปิดอยู่นะ) อันนี้ขอแนะนำว่าถ้าใครไม่มีเวลาให้มาดูตอนกลางวันก็จะได้อีกบรรยากาศหนึ่ง สวยไปอีกแบบใครที่สนใจให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Dongdaemun History & Culture Park Station แล้วเดินออกมาทาง Dongdaemun Design Plaza (DDP) ได้เลย หาง่ายมาก ๆ อ้อ … มีจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เท่านั้นนะวัดบงวอนซา เป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกายแทโก (Taego Order) ในเกาหลี (ที่เกาหลีมีศาสนาพุทธหลัก ๆ อยู่ 2 นิกาย) พระสงฆ์นิกายนี้สามารถแต่งงานได้ วัดบงวอนซาตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นเขาอันซาน (Ansan Mountain) ซึ่งใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University)วิธีมาก็ไม่ยาก (แต่ต้องเดินเก็บเลเวลกันนิด) ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีชินชน (Sinchon Station) แล้วเดินไปทางมหาวิทยาลัยยอนเซ ลัดเขาและออกประตูด้านตะวันออกของมหาวิทยาลัย (East Gate) แล้วเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ เสียเหงื่อสักนิดก็ถึงแล้วถ้าใครอยากดูดอกบัวให้มาช่วงฤดูร้อน (กลางกรกฎาคม-สิงหาคม)อินจ็องจอน (Injeongjeon) คือชื่อของพระที่นั่งหลักที่อยู่ในพระราชวังชังด็อก อีกวังหนึ่งที่อยู่ในเมืองเก่าของกรุงโซล วังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังคย็องบก ผู้คนจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังตะวันออกเกาหลีโดนญี่ปุ่นรุกรานมา 2 ครั้งใหญ่ (จริง ๆ ก็มีอยู่เรื่อยมา) ก็คือช่วงสมัยต้นราชวงศ์โชซอน (โดยขุนศึกญี่ปุ่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ) และสมัยช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แค่ครั้งแรกกองทัพญี่ปุ่นก็ได้เข้ามาเผาทำลายวังต่าง ๆ ในโซลเกือบทั้งหมด รวมทั้งพระราชวังชังด็อกด้วย เมื่อสงครามสงบพระราชวังชังด็อกก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ แล้วใช้เป็นที่ว่าราชการของกษัตริย์ในระหว่างที่ทำการบูรณะพระราชวังคย็องบกสิ่งที่เป็น The Must ของการมาเที่ยววังนี้ก็คือ(Secret Garden) นั่นเองการเดินทางมาที่วังนี้ ให้ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีอันกุก (Anguk Station) แล้วเดินออกทางออกที่ 2 แล้วตรงไปอีกประมาณ 300 เมตรOlympic Park สวนที่มีอะไรให้ดูมากกว่าต้นไม้ เพราะว่าเป็นเขตเมืองโบราณของอาณาจักรแพ็กเจ มีทั้งแนวกำแพงเมืองและพิพิธภัณฑ์ ใครสนใจมาเที่ยวที่นี่ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Olympic Park Station เดินออกทางออกที่ 3 แล้วเดินตรงไปเรื่อย ๆ จะเจอสวนกุหลาบและทุ่งดอกไม้(รูปที่เห็นนี้เป็นรูปที่ถ่ายช่วงเดือนกันยายน)สวนฮานึล หรือเรียกอีกชื่อว่า Sky Park (ในภาษาเกาหลีแปลว่า) เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะทั้ง 5 ที่เรียกรวมกันว่าสวนเวิลด์คัพ (World Cup Park)สวนนี้สร้างขึ้นในโอกาสที่เกาหลีและญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 2002 โดยพื้นที่ตั้งของสวนทั้งหมดนี้เคยเป็นกองภูเขาขยะ ที่ไม่สามารถกำจัดได้ทันเนื่องจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของกรุงโซล ลองนึกภาพว่าตรงนั้นเคยเป็นกองขยะที่มีปริมาณมากถึง 92 ล้านตัน และใช้เวลากว่า 6 ปีในการปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมา ปัจจุบันบริเวณนี้ถูกสร้างให้เป็นสวนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังสามารถผลิตก๊าซที่เกิดจากการหมักหมมของขยะที่ถูกฝังอยู่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีกด้วยสวนฮานึลมีชื่อเสียงเนื่องจากอยู่บนภูเขา (ที่เกิดจากการถมกองขยะนั่นแหละ) สามารถเห็นวิวแม่น้ำฮันและวิวกรุงโซลฝั่งตะวันตกได้ นอกจากนี้ในฤดูใบไม้ร่วงของทุกปียังมีเทศกาลหญ้ามิสแคนทัส (ภาษาเกาหลีเรียกว่า) ที่จะบานสะพรั่งปลิวไสวไปตามลมหนาว เป็นวิวที่สวยและแปลกตาไปอีกแบบหลายคนอาจยังไม่ทราบว่านอกจากเมียงดงจะเป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลีแล้ว ยังเป็นสถานที่อันสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งสังคมและศาสนาอีกด้วย หากมาเดินช้อปปิ้งที่เมียงดง อยากให้เพื่อน ๆ เจียดเวลาสักครู่เดินขึ้นมาตามถนนสายหลัก ก็จะเจอโบสถ์คาทอลิกทางด้านขวามือ โบสถ์นี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่า The Cathedral Church of the Virgin Mary of the Immaculate Conception แต่มันยาวไป ไม่มีใครเรียกหรอก เค้าเรียกกันสั้น ๆ ว่าโบสถ์แห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892 หรือตั้งแต่สมัยที่ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกได้เริ่มเผยแผ่เข้ามาในคาบสมุทรเกาหลี (ตรงกับราชวงศ์โชซอน) มีเอกลักษณ์ที่สำคัญคือสร้างขึ้นจากอิฐแดงและกระจกสีนอกจากโบสถ์นี้จะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกให้กับประชาชนชาวเกาหลีแล้ว ที่นี่ยังเคยเป็นศูนย์กลางที่ประชาชนมาร่วมชุมนุมกันเพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารในช่วงปี ค.ศ. 1970-1980 และยังเป็นสถานที่หลบภัยของบรรดาผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคนอีกด้วย แม้กระทั่งในปัจจุบัน บริเวณลานหน้าโบสถ์ก็ยังถูกใช้เป็นสถานที่รวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่เนือง ๆKorean Folk Village เป็นหมู่บ้านที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองบรรยากาศ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่สมัยราชวงศ์โชซอนยุคปลาย (ราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี) บนเนื้อที่กว่า 615 ไร่ รวบรวมเอาบ้านและอาคารจากภูมิภาคต่าง ๆ ในเกาหลีมาไว้ในนี้ถึง 260 หลัง โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ภูเขา และลำธาร (ธรรมชาติแน่นอน เพราะต้องนั่งรถออกมาจากโซลประมาณ 1 ชม.) มีการสาธิตการใช้ชีวิตตามวิถีของคนในสมัยนั้น นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำเวิร์กช็อปต่าง ๆ เช่น ปั้นหม้อ (โอ่ง, ไห) ดูดวง ดูโหงวเฮ้งตามตำราเกาหลีโบราณ ขี่ม้า ฮ้าไฮ่ … อะไรก็ว่ากันไป นอกจากนี้ยังมีการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสืบสวนผู้ต้องสงสัย การแสดงระบำรำฟ้อนต่าง ๆ รับรองว่าเมื่อผ่านประตูเข้ามาจะรู้สึกว่าหลุดเข้ามาในอีกยุคหนึ่งเลยทีเดียว (พนักงานในนี้พูดภาษาเกาหลีโบราณหมด)นอกจากนี้หมู่บ้านนี้ยังใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำซีรีส์แนวย้อนยุคอีกหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นติ่งตามละคร หรือว่าตากล้องแนวธรรมชาติก็มาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกลัวเสียเที่ยวหากใครสนใจจะเดินทางมาที่นี่ให้เผื่อเวลาเอาไว้เลย 1 วันเต็ม ๆ วิธีเดินทางก็มีหลากหลายวิธีมาก วิธีที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Suwon แล้วนั่งรถรับส่งที่มีบริการฟรีต่อไปอีกประมาณ 30 นาที ส่วนเวลานั้นสามารถเช็กได้ที่เว็บนี้ koreanfolk.co.kr Seoul Forest (서울숲) เป็นสวนสาธารณะที่เปิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2005 แต่เดิมนั้นเป็นป่าธรรมชาติที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอนใช้ล่าสัตว์ และเป็นพื้นที่ที่ใช้ตรวจแถวทหารและรวบรวมกำลังพล แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เรียกว่า(แปลว่า, Ttuk Island) แต่มันไม่ใช่เกาะแต่อย่างใด แต่เป็นแหลมที่อยู่ระหว่างแม่น้ำฮันและคลองชองเกชอน จนทำให้ดูเหมือนเป็นเกาะ ส่วนชื่อนั้น ก็มิได้ตั้งขึ้นเพราะมีเจ้าของชื่อตุ๊กแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะสมัยโบราณนั้น เมื่อมีการตรวจแถวทหารหรือเคลื่อนขบวนจะมีการตั้งธง(เป็นชื่อของธง) คนสมัยนั้นจึงเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่าแล้วเพี้ยนมาเป็นในปัจจุบันสวนสาธารณะแห่งนี้นอกจากจะมีต้นไม้และวิวเก๋ ๆ ให้ถ่ายรูปแล้ว ยังสามารถเช่ารถจักรยานปั่นรอบสวน หรือจะลงไปปั่นบนถนนเลียบแม่น้ำฮันก็จะได้เห็นวิวที่สวยไม่แพ้กันสำหรับใครที่จะเดินทางมาเที่ยว ให้ขึ้นรถไฟฟ้าสาย Bundang (สีเหลือง) แล้วลงที่สถานี Seoul Forest (서울숲) ได้เลยคือชื่อของสุสานที่ฝังศพของกษัตริย์กยองจง (Gyeongjong, 景宗, ค.ศ. 1688-1724) กษัตริย์องค์ที่ 20 แห่งราชวงศ์โชซอน (ราชวงศ์โชซอนมีกษัตริย์ทั้งหมด 27 องค์) กับพระราชินีซอนอึย เป็นหนึ่งในสุสานกษัตริย์ทั้งหมด 42 แห่ง (40 แห่งในเกาหลีใต้ และ 2 แห่งในเกาหลีเหนือ) และสุสานทุกแห่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในชื่อของ Royal Tombs of the Joseon Dynastyหากใครอยากมาเยี่ยมชมสุสานแบบนี้ ให้เลือกเอาตามใจชอบได้เลย เพราะว่ามีหลายแห่งกระจายอยู่ทั้งในกรุงโซลและจังหวัดใกล้เคียงคำว่า รึง [陵] (ลึง, นึง อันนี้จะเปลี่ยนเสียงไปตามตัวสะกดของพยางค์หน้าตามกฎการเปลี่ยนเสียงในภาษาเกาหลี) หมายถึงสุสานที่ใช้ฝังศพขอกษัตริย์นั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าใครมาเที่ยวในโซลแล้วเจอสถานีรถไฟฟ้าที่ลงท้ายด้วยคำนี้ก็แสดงว่ามีสุสานอยู่ เช่น สถานี Seolleung (ซอลลึง), 태릉 (แทรึง)ดูจากรูปจะเห็นทางเข้าสุสานเป็นทางเดินหินที่มีเส้นตรงกลาง คนที่นี่เชื่อว่าทางเดินนี้เป็นทางผ่านของวิญญาณ ห้ามเดินเหยียบ เพราะว่าจะทำให้ฝันร้ายหรืออาจจะเกิดโชคไม่ดี (ใครอยากลองก็เชิญได้นะ อิอิ)잡상 (雜像), จับซัง คือตุ๊กตากระเบื้องที่ติดเอาไว้บนหลังคาอาคารต่าง ๆ ในวังหรือสุสานของกษัตริย์ เชื่อว่าจะช่วยขับไล่วิญญาณร้ายต่าง ๆ ที่อยู่บนฟ้า ไม่ให้เข้ามาก่อกวนหรือทำอันตรายภายในตัวอาคารคือสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของกรุงโซล มีชื่อเป็นทางการว่าป่าแห่งความฝันแห่งโซลเหนือ (북서울 꿈의 숲) ทางกรุงโซลได้ทำการปรับปรุงและเปิดสวนนี้ขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2009 เป็นสวนสาธารณะที่มีเนื้อที่กว้างเป็นอันดับที่ 4 ในกรุงโซลภายในสวนสาธารณะมีอาคารอเนกประสงค์ที่สร้างเป็นสโลป สามารถขึ้นไปชมวิวทางเหนือของกรุงโซลได้โดยรอบ (และเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่อง IRIS … อันนี้จำเขามา) นอกจากอาคารนี้แล้วในสวนยังมีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ ลานน้ำพุ และสระน้ำขนาดใหญ่อีกด้วยสถานี Mia Samgeori ทางออกที่ 1 แล้วนั่งรถบัสสาย 9 หรือ 11 มาอีก 10 นาที และลงที่ป้าย Dream Forestสถานี Dolgoji ทางออกที่ 3 แล้วนั่งรถบัสสาย 147 มาอีก 5 นาที และลงที่ป้าย Dream Forestปิดท้ายด้วยวิวสวย ๆ ที่อ่าวซุนชอนค่ะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวประเทศเกาหลีนะคะ ^^อ่าวซุนชอนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetland) แห่งแรกในเกาหลีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในสนธิสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ เช่น นก ปู ปลา หอย และพืชทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลี จุดเด่นของอ่าวนี้อีกอย่างคือมีทุ่งต้นกกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และที่เด่นอีกอย่างคือจะมีคู่รักชาวเกาหลีมาสวีทกันเยอะมากสำหรับคนที่ต้องการมาที่นี่ ต้องเดินทางมาที่เมืองซุนชอน (Suncheon) ซึ่งอยู่ที่จังหวัดชอลลานัมโด (ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สุด) ใช้เวลานั่งรถบัสจากสถานี Central City Terminal ในกรุงโซลประมาณ 4-5 ชั่วโมง แล้วแต่สภาพการจราจร เมื่อถึง Suncheon Terminal แล้วให้นั่งรถบัสหรือรถแท็กซี่ไปยังทางเข้าอ่าวซุนชอนได้เลย (ใช้เวลาเดินทางโดยรถบัสจากสถานีซุนชอนประมาณ 30 นาที)ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณปลาทูตัวกลม สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก หนึ่งเงาในเกาหลี – Korea Wanderer
8 ข้อห้ามเมื่อสาวๆไปเที่ยวเกาหลี by khemi
8 ข้อห้ามเมื่อสาวๆไปเที่ยวเกาหลี by khemi
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
Ep.17 ทริปเกาหลี|ขับรถพาชมวิว,ร้านกาแฟ, ต้นบรูเบอรี่,มะหลอด,ตลาดชนบทเกาหลีบนภูเขานัมฮันซันซอง #남한산성
ทริปเกาหลี เที่ยวเกาหลี ภูเขานัมฮันซันซอง 남한산성 Namhansanseong TripKorea สะใภ้เกาหลี
🥰สวัสดีค่ะ ทุกๆคน 🥰
สำหรับวันนี้เอมี่กับพี่เจนสะใภ้เกาหลีมาจากพม่า (เชียงตุง) เป็นสาวไทใหญ่ค่ะ จะร่วมทริปนี้ด้วยกันนะคะ รอบนี้จะพาทุกๆคน ขับรถเที่ยวรอบๆภูเขานัมฮันซันซองค่ะ และจะพาไปแวะตลาดของชาวบ้าน ร้านกาแฟข้างทาง มีร้านสวยๆ เยอะมากๆค่ะ
ไปฤดูร้อน 🌞 ก็มีลำธารน้ำเย็นๆ ใสๆ ให้เล่น 🏞 มีร้านกาแฟ☕สวยๆ ร้านอาหารอร่อยๆ 🍱🥗🥘ให้นั่งเยอะมากๆค่ะ ไปเดินเขากับเพื่อนๆ🚶♂️ก็ได้ค่ะ และยังมีโบราณสถานและกำแพงเมือง คล้ายๆกำแพงเมืองจีน ให้ถ่ายรูปสวยๆด้วยค่ะ ‼️แต่ต้องเสียค่าเข้าโบราณสถานนิดนึงนะคะ 1,500 วอนค่ะ 🏯
ไปฤดูใบไม้ผลิ มีต้นซากุระสวยๆให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ 🌸🌸🌸
ฤดูหนาว จะมีหิมะปกคลุมทั่วภูเขาและสวยมากค่ะ🏔❄☃️
ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากจะแนะนำให้นะคะ ใกล้กับกรุงโซลอีกด้วยค่ะ
🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :[네이버 지도] 남한산성 :경기 광주시 남한산성면
http://naver.me/5P515Ajv
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%87
นัมฮันซันซ็อง (เกาหลี: 남한산성; อักษรโรมัน: Namhansanseong) เป็นเมืองที่ในอดีตถูกออกแบบเพื่อใช้เป็นเมืองหลวงสำหรับกรณีฉุกเฉินของราชวงศ์โชซอน (ค.ศ. 13921910) ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาห่างจากโซลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 25 กิโลเมตร มันถูกสร้างขึ้นและได้รับการปกป้องโดยพระสงฆ์ สามารถรองรับคนได้ถึง 4,000 คนและสามารถใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดการบริหารบ้านเมืองและการทหารในเรื่องที่สำคัญได้ นัมฮันซันซองมีส่วนที่หลงเหลือมาจากยุคศตวรรษที่ 7 แต่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลายต่อหลายครั้งโดยเฉพาะในศตวรรษที่ 17 ในช่วงการบุกโจมตีของราชวงศ์แมนจูของจีน เมืองนี้เป็นการรวมแนวคิดด้านวิศวกรรมของกองทัพในยุคนั้นเข้าด้วยกัน โดยได้รับอิทธิพลจากทั้งจีนและญี่ปุ่น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในศิลปะของการสร้างป้อมปราการ จากการเข้ามาของอาวุธที่ใช้ดินปืนจากชาติตะวันตก นัมฮันซันซองเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยทุกยุคสมัย และเคยเป็นเมืองเอกมาเป็นระยะเวลานาน จึงมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายอย่างทั้งด้านการทหาร พลเมือง และศาสนา จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอธิปไตยของเกาหลีใต้
🙏ชอบคลิปนี้ ฝากกดไลน์ กดแชร์ กดติดตามให้ด้วยนะคะ👇 พบกันใหมคลิปหน้าค่ะ
💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖
One free day : Korea EP.3 เที่ยวผับเกาหลี ฮงแด (Hongdae)
หากจะพูดถึงเมืองแห่งแสงสีที่ไม่เคยหลับใหล เมืองที่เราสามารถไปปาร์ตี้เที่ยวผับได้ตั้งแต่ค่ำยันเช้า โซลถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ผมคิดว่าเราสามารถใช้ชีวิตกลางคืนได้อย่างสนุกสุดเหวี่ยง และด้วยความที่ได้ยินเพื่อนๆขาเที่ยวกลางคืนยกให้โซลเป็นเมืองที่เที่ยวกลางคืนสนุก ครั้งนี้เราก็เลยจะขอลองเปิดประสบการณ์การเที่ยวกลางคืนในโซลดู พอได้ลองเที่ยวดูก็รู้สึกว่ามันสนุกจริงๆหว่ะความรู้สึกมันไม่เหมือนกันตอนเที่ยวกลางคืนในไทย ก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมใครหลายๆคนชอบเที่ยวกลางคืนในโซลกัน เราจะพาไปดูสถานที่เที่ยวกลางคืนหลายๆแบบ เริ่มตั้งแต่ร้านนั่งชิวจนไปถึงผับบาร์ไปดูกันเลยดีกว่าว่าบรรยากาศและแสงสีในย่านที่เที่ยวกลางคืนที่โซลเป็นยังไง
หากใครที่ต้องการดูรีวิวอื่นๆสามารถดูได้ตามลิ้งนี้เลยครับ
https://www.facebook.com/onefreedaytravel/
ท่องเที่ยวกรุงโซล เกาหลีใต้ | ExpediaTH
https://www.expedia.co.th/Seoul.d178308.Travel วีดีโอแนะนำโซลเพื่อการท่องเที่ยวเพียง 13 นาที สามารถจองเที่ยวบิน พร้อมโรงแรม ลดมากกว่า และพิเศษสุดกับสมาชิกเอ็กซ์พีเดีย ลดเพิ่มอีกอย่างน้อยอีก 10%
จังหวัดในประเทศเกาหลีใต้ มีอะไรบ้าง ? | เกาหลี Everyday | 까우리 에브리데이
คลิปนี้มาดูเรื่องของประเทศเกาหลีกันบ้างครับ เกิดความสงสัยว่าเกาหลีนี่นอกจากโซล ปูซาน เชจู แล้วมีจังหวัดอื่นบ้างหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่เราจะคุ้นๆกับประเทศเกาหลีแค่เมืองเหล่านี้ คลิปนี้จะมาพูดถึงจังหวัดหรือเมืองทั้งหมดในเกาหลีใต้ครับ
ติดต่องาน \u0026 สปอนเซอร์ : [email protected]
ติดตาม เกาหลี Everyday เพิ่มเติมได้
Facebook : http://www.fb.com/KaoleeEveryday
Twitter : http://www.twitter.com/KaoleeEveryday
Website : http://www.kaoleeeveryday.com
เกาหลี เกาหลีeveryday korea kaoleeeveryday thai ประเทศเกาหลี ประเทศเกาหลีใต้
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆWiki
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เกาหลี ที่เที่ยว