เดินทางคนเดียว: คุณกำลังดูกระทู้
นักเดินทางทุกคนมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “การเดินทางเป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
และแม้ว่าจะใช้เวลาทั้งชีวิตทุ่มเทกับมันอย่างไร
ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการไปเยือนในทุก ๆ ที่ และเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น การเดินทางไปเยือนที่ต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด
ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนอยากจะทำ ด้วยเหตุผลที่ว่มันคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุด
ที่ทำให้ชีวิตดูมีคุณค่าขึ้นมาอีกเยอะ
วันนี้กระปุกดอทคอมก็ขอนำคำคมจากนักเดินทางทั่วโลกมาฝากกันอีกครั้ง
เพื่อแบ่งปันความคิดและมุมมองที่พวกเขามีต่อการเดินทาง
ซึ่งมันอาจจะพอเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเดินทางสมัครเล่นทั้งหลาย
ได้เห็นความสำคัญของการเดินทาง เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องสนุก และไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ชีวิตว่างเปล่าเลยจริง
ๆ
“The world is a book and those
who do not travel read only one page.”
– St. Augustine
โลกใบนี้เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง และคนที่ไม่เคยเดินทางเลย
ก็เปรียบเหมือนคนที่อ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว
++++++++++++++++++
“All travel has its advantages.
If the passenger visits better countries,
he may learn to improve his own.
And if fortune carries him to worse,
he may learn to enjoy it.”
Samuel Johnson
ทุก ๆ การเดินทางมีข้อดีของมัน
หากเราเดินทางไปยังประเทศที่ดีกว่า
เราอาจได้เรียนรู้ว่าจะพัฒนาประเทศของตัวเองอย่างไร
แต่ถ้าหากเราเดินทางไปยังที่ที่เลวร้ายกว่า
เราก็อาจได้เรียนรู้ว่าจะอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้อย่างไร
++++++++++++++++++
“All journeys have secret destinations of
which the traveler is unaware.”
– Martin Buber
ทุกการเดินทางมีจุดหมายปลายทางซ่อนอยู่
จุดหมายที่นักเดินทางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
++++++++++++++++++
“A good traveler has no fixed plans, and is not intent on arriving.”
– Lao Tzu
นักเดินทางที่ดีย่อมไม่มีแผนการเดินทางที่แน่นอน และไม่ได้ตั้งใจที่จะไปถึง
++++++++++++++++++
“Travelers never think that they are the foreigners.”
– Mason Cooley
นักเดินทางที่แท้จริงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนต่างถิ่น
++++++++++++++++++
“We live in a wonderful world that is full of beauty,
charm and adventure. There is no end to the adventures
we can have if only we seek them with our eyes open.”
– Jawaharal Nehru
เราอยู่ในโลกอันน่าประหลาดใจที่เต็มไปด้วยความงดงาม เสน่ห์
และการผจญภัยมากมาย ไม่มีคำว่าสิ้นสุดสำหรับการผจญภัยที่เราสัมผัสมันได้
ถ้าเพียงเราเปิดดวงตาค้นหาความงดงามเหล่านั้น
++++++++++++++++++
“Decide how you want to feel,
and go wherever it takes to feel that way.”
– Andy Hayes
จงถามตัวเองว่าอยากมีความรู้สึกอย่างไร
และไปเหยียบยืนในที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นได้
“When one realizes that his life is worthless he
either commits suicide or travels.”
– Edward Dahlberg
เมื่อใครสักคนรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไร้ค่า เขามักเลือกทางเดินอยู่ 2 ทาง
นั่นคือถ้าไม่ฆ่าตัวตาย ก็ออกเดินทางท่องเที่ยว
++++++++++++++++++
“Don’t tell me how educated you are,
tell me how much you have traveled.”
– Mohammed
ไม่ต้องบอกผมหรอกว่าคุณได้รับการศึกษามาอย่างไร
บอกผมแค่ว่าคุณเดินทางมามากเท่าไหร่ก็พอ
++++++++++++++++++
“A journey is like marriage. The certain way
to be wrong is to think you control it.”
– John Steinbeck
การเดินทางก็เหมือนกับชีวิตคู่
หนทางที่จะทำให้มันล้มเหลวได้ก็คือการคิดที่จะบังคับมัน
++++++++++++++++++
“When you’re traveling,
you are what you are right there and then.
People don’t have your past to hold against you.
No yesterdays on the road.”
– William Least Heat Moon
เมื่อคุณกำลังเดินทางท่องเที่ยว
คุณคือตัวคุณ ณ ที่นั้น และ ณ ช่วงเวลานั้น
ผู้คนรอบข้างไม่มีใครรู้อดีตของคุณและตำหนิคุณไม่ได้
ไม่มีคำว่า “เมื่อวาน” บนถนนคนเดินทางหรอก
++++++++++++++++++
“No one realizes how beautiful it is to travel until he comes home and
rests his head on his old familiar pillow.”
– Lin Yutang
ไม่มีใครรู้ว่าการเดินทางนั้นสวยงามอย่างไร
จนกระทั่งได้กลับมาที่บ้านและนอนหนุนหมอนใบเก่าที่คุ้นเคย
“A traveler without observation is a bird without wings.”
– Moslih Eddin Saadi
นักเดินทางที่ไร้ซึ่งการสังเกต ก็เหมือนนกที่ไม่มีปีกบิน
++++++++++++++++++
“Tourists don’t know where they’ve been,
travelers don’t know where they’re going.”
– Paul Theroux
“นักท่องเที่ยว” จะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
แต่ “นักเดินทาง” จะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหน
++++++++++++++++++
“A journey of a thousand miles must begin with a single step.”
– Lao Tzu
การเดินทางนับพันไมล์ ต้องเริ่มต้นทีละก้าว
++++++++++++++++++
“A journey is best measured in friends, rather than miles.”
จำนวนเพื่อนวัดคุณค่าของการเดินทางได้ดีกว่าจำนวนระยะทาง
++++++++++++++++++
“Half the fun of travel is the esthetic of lostness.”
– Ray Bradbury
ครึ่งหนึ่งของความสนุกในการเดินทาง คือความงดงามของการหลงทาง
++++++++++++++++++
“The whole object of travel is not to
set foot on foreign land;
it is at last to set foot on one’s own
country as a foreign land.”
– G.K. Chesterton
เป้าหมายทั้งหมดของการเดินทาง ไม่ใช่การฝากรอยเท้าไว้ในต่างแดน
แต่ที่สุดแล้ว มันคือการฝากรอยเท้าไว้ในประเทศตัวเอง เหมือนกับมันเป็นต่างแดนต่างหาก
++++++++++++++++++
“There is no moment of delight in any pilgrimage
like the beginning of it.”
– Charles Dudley Warner
สำหรับนักเดินทางไกลแล้ว ไม่มีช่วงเวลาใดจะสุขใจเท่ากับการเริ่มต้นออกเดินทาง
++++++++++++++++++
“If somebody asked me about my inspiration
I would say that it’s not the people and it’s not the things,
it’s travel and experiencing different environments.”
– Marc Newson
หากใครสักคนถามถึงแรงบันดาลใจของผม ผมจะตอบว่า
มันไม่ได้มาจากผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ แต่มันมาจากการเดินทางท่องเที่ยว
และการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างต่างหาก
++++++++++++++++++
“Remember that happiness is a way
of travel – not a destination.”
– Roy M. Goodman
โปรดจำไว้ว่า ความสุขของการเดินทางเกิดขึ้นระหว่างทางที่ไป ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
++++++++++++++++++
“A child on a farm sees a plane fly overhead
and dreams of a faraway place.
A traveler on the plane
sees the farmhouse…
and thinks of home.”
– Carl Burns.
เด็ก ๆ ในไร่มองเครื่องบินบนฟ้าแล้วนึกฝันถึงที่ที่ไกลโพ้น แต่กลับกัน
นักเดินทางที่อยู่บนเครื่องบินนั้นกลับมองมายังบ้านไร่ แล้วคิดถึงบ้านของตัวเอง
++++++++++++++++++
“We are all travelers in the wilderness of this world,
and the best we can find in our travels
is an honest friend.”
– Robert Louis Stevenson
เราต่างก็เป็นนักเดินทางในความว่างเปล่าของโลกใบนี้
และสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถค้นพบได้จากการเดินทางก็คือ.. เพื่อนที่จริงใจ
++++++++++++++++++
“The earth belongs to anyone who stops for a moment,
gazes and goes on his way.”
– Colette
โลกใบนี้เป็นของคนที่หยุดเดินแล้วมองดูสิ่งรอบข้าง และเดินต่อไปตามทางของตัวเอง
“He who does not travel does not know the value of men.”
– Moorish proverb
คนที่ไม่เดินทางท่องเที่ยว.. ไม่รู้คุณค่าของชีวิต
++++++++++++++++++
“The true traveler is he who goes on foot,
and even then, he sits down a lot of the time.”
– Colette
นักเดินทางที่แท้จริงคือนักเดินทางที่เดินเท้า
และจากนั้นพวกเขาก็นั่งลงในที่ต่าง ๆ นับครั้งไม่ถ้วน
++++++++++++++++++
“A man travels the world over in search of what he needs,
and returns home to find it.”
– George Moore
คนเราเดินทางไปทั่วโลกเพื่อหาคำตอบว่าตัวเองต้องการอะไร
แล้วกลับบ้านไปเพื่อค้นพบสิ่งนั้น
++++++++++++++++++
“To awaken alone in a strange town is one of the pleasantest
sensations in the world.”
– Freya Stark
การตื่นขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวในต่างถิ่น เป็นความตื่นเต้นที่สนุกที่สุดในโลก
++++++++++++++++++
“The real voyage of discovery consists not in seeking
new landscapes but in having new eyes.”
– Marcel Proust
การเดินทางเพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การค้นหาทิวทัศน์ใหม่ ๆ
แต่คือการมองสิ่งเหล่านั้นในมุมมองใหม่ ๆ ด้วย
++++++++++++++++++
“The world is a country which nobody ever yet knew
by description; one must travel through
it one’s self to be acquainted with it.”
– Lord Chesterfield
โลกนี้คือดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักมันได้จากการบอกเล่า
แต่คนเราจะต้องเดินทางท่องเที่ยวไปเพื่อทำความรู้จักกับมันด้วยตัวเอง
นี่ล่ะค่ะคือทั้ง 30
คำคม ชวนคิดเกี่ยวกับการเดินทางที่เรานำมาฝากกันวันนี้
หวังว่าคงจุดประกายให้กับหลาย ๆ คนไม่น้อย
และทำให้หลายคนได้เห็นคุณค่าของการเดินทางขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ecosalon.com
[Update] อันยองทริป 3 วัน 4 คืน บินเดี่ยวเที่ยวเกาหลี ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้แบบชิลล์ๆ | เดินทางคนเดียว – Sonduongpaper
อันยองฮาเซโย~ ทักทายกันเป็นภาษาเกาหลีกันสักหน่อย ช่วงนี้กำลังอินกับซีรี่ย์เกาหลีอย่างหนักหน่วง เรียกได้ว่ามีเพื่อนเป็นซีรี่ย์เกาหลีในยามเหงาเลยก็ว่าได้ และเจ้าซีรี่ย์เกาหลีนี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้ทริปเกาหลีครั้งนี้เกิดขึ้น แต่การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปเองคนเดียว เน้นเที่ยวแบบชิลล์ๆ สูดบรรยากาศความเป็นเกาหลีจริงๆ และแน่นอนว่าจะไปแอบส่องโอปป้าเกาหลีด้วยแหละ ลองตามาดูเลยกับทริป 4 วัน 3 คืน เที่ยวเกาหลี ฉบับผู้หญิงเที่ยวคนเดียว
Day1
สำหรับการเดินทางไปเกาหลีครั้งนี้เราเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไฟล์ทประมาน 23.00 น. เพื่อที่จะอยากไปให้ถึงเกาหลีในตอนเช้าเพราะจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ ซึ่งจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาน 6 ชั่วโมง พอขึ้นเครื่องเสร็จก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร หลับเท่านั้นค่ะ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงประกาศว่าเครื่องกำลังแลนด์ดิ้งสู่สนามบินนานาชาติอินชอน และมาถึงเกาหลีประมาน 06.30 น.สำหรับการเดินทางไปเกาหลีครั้งนี้เราจองตั๋วเครื่องบินผ่านเว็บไซต์ https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-south-korea ซึ่งรวมราคาที่ดีที่สุดให้กับเราแล้ว เหมาะมากกับการเที่ยวแบบเซฟงบอย่างเรา
Day2
มาเกาหลีช่วงต้นปีแบบนี้ก็จะได้ฟินไปกับอากาศหนาวๆ และหิมะโปรยปราย ทำเอาคนไทยเมืองร้อนอย่างเราตื่นเต้นจนหยิบมือถือมาถ่ายรูปไม่หยุด จุดหมายแรกที่จะปักหมุดไปก็คือที่พักที่เราจองไว้สำหรับทริปนี้ซึ่งตั้งอยู่ในย่านฮงแด ย่านที่เรียกได้ว่าคึกคักตลอดเวลา มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า เครื่องสำอาง คาเฟ่ ผับ บาร์เพียบ!! สำหรับการเดินทางจากสนามบินอินชอนก็ง่ายมาก นั่ง Airport Railroad Express (AREX) จากสนามบินมาลงที่สถานี Hongik ทางออก 1 และเดินมาอีกแป๊บเดียวก็ถึงที่พักแล้ว
และที่พักของเราก็คือ House 740 เป็นที่พักสไตล์เกสต์เฮ้าส์แบบชิลล์ๆ มีห้องพักให้เลือกถึง 9 แบบพักได้ตั้งแต่ 2 – 7 คน แต่ทริปนี้มาคนเดียวเลยจองเป็นห้อง Deluxe Double ภายในห้องตกแต่งได้อย่างน่ารักให้อารมณ์โคซี่ๆ เน้นสีขาวและที่สำคัญครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
Location: 203 – 48 Donggyo-dong, Mapo-gu, Seoul, Korea // How to go: รถไฟใต้ดินสถานีฮงแด ทางออก 1
ลืมบอกไปว่าทางที่พักให้เช็คอินตอนบ่ายโมง เราเลยขอฝากกระเป๋าและสัมภาระต่างๆ ไว้ก่อน เจ้าของที่พักก็น่ารักและใจดีมาก ให้เราฝากกระเป๋า แถมยังแนะนำที่เที่ยวให้อีกด้วย และปักหมุดไปต่อที่ ย่านอินซาดง
อินซาดง (Insa-dong) เป็นย่านเก่าแก่ที่อยู่ใจกลางเมืองโซล สายช็อปต้องห้ามพลาดเพราะที่นี่มีร้านขายของเก่าคลาสสิคๆ อีกทั้งยังมีร้านอาหารแบบดั้งเดิม คาเฟ่ และแกลลอรี่มากมายกว่า 100 แกลลอรี่ หรือใครที่ชอบดูผลงานศิลปะก็ต้องไม่พลาดเช่นเดียวกัน
เดินทางมาเหนื่อยๆ ก็ต้องหาของอร่อยๆ ลงท้องกันบ้างเราเดินมาเรื่อยๆ จนเจอกับร้านสตรีทฟู้ดมากมายซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของย่านอินซาดง และประเดิมกับของกินเล่นเมนูแรกอย่าง Hotteok (Sugar Filled Pancake) ขนมแป้งกลมๆ แบนๆ ใส่ถั่วกับน้ำตาลแดง ทอดในน้ำมันร้อนๆ เมนูนี้คลายความหนาวได้เป็นอย่างดี
และยังมี ไก่ทอดซอสเกาหลี (Yangnyeom-Tongdak) รสชาติอร่อย เมนูนี้ถูกใจสุดๆ ค่ะ
กินของคาวกันไปแล้วก็มาปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง ไอศกรีมขนมปังปลาและสตรอว์เบอร์รี่เคลือบน้ำตาล
และเมนูโปรดของคนเกาหลีอย่างเกาลัดที่ได้กลิ่นคั่วหอมๆ มาแต่ไกล
หรือใครที่อยากเอาความอร่อยกลับไปฝากเพื่อนๆ ที่เมืองไทยแนะนำให้ซื้อของกินเล่นพวกลูกอมสไตล์เกาหลี ซึ่งมีหลายรสชาติให้เลือก
ความคึกคักของที่นี่ทำเอาเราเดินชมบรรยากาศอย่างเพลิดเพลินใจเลยทีเดียว
สำหรับวิธีการเดินทางไปยังย่านอินซาดง ให้รถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Anguk Station ทางออก 6 เดินตรงไป 100 เมตรแล้วเลี้ยวซ้าย
ช็อปจนเพลิดเพลินใจถึงช่วงค่ำก็ได้เวลานั่งรถไฟใต้ดินกลับมายังที่พัก คืนนี้ต้องขอนอนพักผ่อนเอาแรงหลังจากเดินทางและเที่ยวมาเหนื่อยๆ ทั้งวัน
Day 3
วันนี้เราตื่นช่วงสายๆ เพราะด้วยความที่อากาศหนาวมากๆ บวกกับด้านนอกมีหิมะตกเบาๆ อย่างที่บอกว่าทริปนี้เน้นเที่ยวแบบชิลล์ๆ เราเลยไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมาย เช้านี้เราหามื้อเช้าทานเบาๆ ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวๆ ที่พัก และออกเดินทางต่อตามแพลนที่เราวางไว้คือ หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)
หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) หมู่บ้านโบราณของเกาหลีที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องที่ทันสมัยของกรุงโซล เพียงแค่เดินเข้าไปก็ได้สัมผัสกลิ่นอายของความเป็นเกาหลีแบบโบราณทำให้นึกถึงซีรี่ย์เกาหลีแนวพีเรียด
และหมู่บ้านบุกชอนฮันอกยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เมื่อมาเที่ยวแล้วจะได้พบกับบ้านของขุนนางระดับสูงของเกาหลีในสมัยก่อน ภายในหมู่บ้านมีอาคารแบบดั้งเดิมกว่า 100 หลัง ซึ่งเป็นรูปแบบบ้านที่ชาวเกาหลีเรียกกันว่า ฮันอก (Hanok) ที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้มาตั้งแต่สมัยโชซ็อน
ในปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นศูนย์วัฒนธรรม เกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร โรงน้ำชา และคาเฟ่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสบรรยากาศและเรียนรู้วัฒนนธรรมเกาหลีแบบดั้งเดิม และที่สำคัญหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่มีคนเกาหลีอยู่กันจริงๆ
หมู่บ้านบุกชอนฮันอกยังถูกล้อมรอบด้วยสถานที่เชิงประวัติศาสตร์มากมายซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่าง พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านบุกชอนฮันอกไม่ไกลมากนัก
มาถึงกรุงโซลของประเทศเกาหลีแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปชม พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) ที่เป็นแลนด์มาร์คยอดฮิตของกรุงโซล ซึ่งที่นี่เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล สร้างขึ้นในปี 1394 ราชวงศ์โชซ็อน
หนึ่งจุดถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ประตูควังฮามุน (Gwanghwamun Gate) ซึ่งเป็นประตูหลักทางทิศใต้ของพระราชวัง บริเวณด้านหน้าประตูเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวเกาหลีเองและชาวต่างชาติที่มาชมความยิ่งใหญ่และงดงามของที่นี่
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือพิธีเปลี่ยนเวรยามพระราชวังเคียงบกกุงซึ่งจัดแสดงทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) และที่สำคัญมีการแสดงเพียงวันละ 3 รอบเท่านั้น
ตรงนี้ตื่นเต้นมากๆ เพราะพิธีเปลี่ยนเวรยามทำเอาเราคิดว่าตัวเราหลุดเข้าไปในซีรี่ย์เกาหลีอย่างไงอย่างงั้น ทั้งเครื่องแต่งกายแบบโบราณและบรรยากาศโดยรอบทำให้รู้สึกว้าวสุดๆ
หรือใครที่อยากได้รูปสวยๆ สไตล์สาวเกาหลี บริเวณรอบๆ พระราชวังยังมีร้านเช่าชุดฮันบกให้ใส่เข้ามาถ่ายรูปด้านในพระราชวังอีกด้วย
เมื่อเดินเข้ามาก็จะเจอกับ ประตูฮึงรเยมุน (Heungryemun) ซึ่งเป็นประตูที่สองที่อยู่ตรงกลางระหว่างประตูควังฮวามุน ตรงจุดนี้สวยงามและยิ่งใหญ่สุดๆ มาถ่ายรูปตรงนี้รับรองว่าได้รูปสวยๆ ไปเปลี่ยนโปรไฟล์อย่างแน่นอน
เที่ยวชมความงดงามของวัฒนธรรมเกาหลีกันเต็มอิ่มแล้ว ก่อนเดินทางกลับที่พักเรามาเจอมุมถ่ายรูปสุดชิคที่อยู่ระหว่างทางเดินรถไฟฟ้าใต้ดินที่เรียกว่า ผนังกระจก (Gyeongbokgung) สถานีรถไฟใต้ดิน Gyeongbokgung เป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปเท่ๆ ที่ต้องตามไปถ่ายกันให้ได้
ก่อนที่เดินทางกลับที่พักในช่วงเย็น เราแวะไปกินมื้อเย็นที่ร้าน Cheese That Love Jjimdak ร้านที่มีเมนูจิมดักชื่อดังแห่งย่านชินชนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรามากนัก สำหรับการเดินทางมาร้านให้นั่งรถไฟฟ้ามาที่สถานีชินชนทางออก 1 และเดินตรงมาเรื่อยๆ ทางมหาวิทยาลัยยอนเซ ตัวร้านจะตั้งอยู่บนตึกชั้น 2
Day 4
วันสุดท้ายของทริปเกาหลี วันนี้หลังจากที่เก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักและเดินทางไปเที่ยวกันต่อ ซึ่งวันนี้เราเช็คเอ้าท์และเอากระเป๋าฝากไว้กับที่พักอีกเช่นเคยและปักหมุดไปกันที่ อุทยานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมดงแดมุน (Dongdaemun History & Culture Park) หรือที่คนเกาหลีเรียกกันว่า ทงแดมุนย็อกซามุนฮวากงว็อน
ที่นี่แบ่งออกเป็นหลายโซนไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นที่จัดแสดง รวบรวมและเก็บรักษาสิ่งของทางประวัติศาสตร์ และยังมีในส่วนของ ทงแดมุนดีไซน์พลาซ่า (Dongdaemun Design Plaza) หรือเรียกสั้นๆ ว่า DDP ตึกดีไซน์สุดล้ำที่ภายในรวมรวมงานดีไซน์เจ๋งๆ ไว้มากมาย แถมยังมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและงานออกแบบต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหารและร้านค้าไว้ภายใน
ความยิ่งใหญ่และสวยงามของตึก DDP
ไม่ว่าจะหันกล้องไปตรงไหนก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่นอกจากตัวตึกสุดแนวอย่าง DDP แล้ว ยังมีทุ่งดอกกุหลาบ LED ดอกกุหลาบที่ยามเช้าจะเป็นสีขาว แต่ถ้าใครที่มาในช่วงค่ำดอกกุหลาบทุกดอกก็จะมีไฟติดขึ้นมา เป็นภาพที่สวยและบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
Open – Close: เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 21:00 น. // เข้าชมฟรี // How to go: รถไฟสาย 2 สีเขียว, สาย 4 สีฟ้า และสาย 5 สีม่วง ลงสถานี Dondaemun history & Culture Park ทางออกที่ 1 เดินตามป้ายบอกทางมาเรื่อยๆ จนเจอประตูทางออก
ก่อนเดินทางกลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ที่พัก เราเลยแวะเที่ยวที่ มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha Womens University) ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ต้องมาถ่ายรูปและเที่ยวชมบรรยากาศให้ได้สักครั้ง และยังได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยหญิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
บรรยากาศรอบๆ มหาวิทยาลัยอีฮวา เต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียวและอากาศดีสุดๆ ดีจนแอบอิจฉาเด็กมหาลัยที่นี่เลยล่ะ
สำหรับจุดเด่นจะอยู่ที่อาคาร Ewha Campus Center (EEC) ซึ่งเป็นอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมงดงามสุดๆ
เที่ยวตามแพลนจนครบหมดแล้วเราเลยเดินทางกลับไปที่พักเพื่อไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ ก่อนที่จะไปสนามบินนานาชาติอินชอนเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับทริปเที่ยวเกาหลีแบบผู้หญิงเที่ยวเองคนเดียว บอกได้เลยว่าไม่ยากอย่างที่คิดเอาไว้เพราะการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ในเกาหลีสะดวกสบายและที่ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับทริปนี้คือเราจองทั้งตั๋วเครื่องบินและจองที่พักผ่าน ทราเวลโลก้า (Traveloka) ซึ่งมีทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นที่สะดวกต่อการใช้งาน ที่สำคัญทราเวลโลก้ายังรวมราคาที่ดีที่สุดให้กับเราแล้ว เอาเป็นว่าใครที่กำลังมีแพลนจะไปเที่ยวเกาหลีลองเอาแพลนทริปนี้เป็นตัวอย่างรับรองว่าฟินจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ
The Gaijin Trips EP4 แบกเป้เที่ยวดอยขุนตาล 3วัน2คืน ด้วยงบ 2,500บาท
The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว เสนอ EP4 เที่ยวดอยขุนตาล 3วัน2คืน ด้วยงบ 2,500บาท
นี่เป็นทริปการเที่ยวเป็นกลุ่ม5คน ครั้งแรกของผม ดอยขุนตาลเป็นดอยที่น่าสนใจสำหรับสายชิลล์พอสมควร เพราะคุณสามารถนั่งรถไฟมาถึงสถานีรถไฟขุนตาลและเดินขึ้นดอยกันได้เลยโดยไม่ต้องต่อรถ ซึ่งเป็นดอยเดียวในประเทศไทย ที่สามารถนั่งรถไฟมาถึงที่ดอยได้เลย การมาเที่ยวดอยนี้ผมแนะนำว่าควรมากันสองคนขึ้นไปหรือมาเป็นหมู่คณะ ถ้าเกิดจะขึ้นไปกางเต็นท์บนยอดดอย เพราะด้านบนนั้นจะไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ซึ่งในวันที่ผมไปนั้นไม่มีคนเลยเจ้าหน้าที่ก็จะอยู่แต่ด้านล่างเท่านั้นซึ่งบางทีเดินเท้าห่างจากเราสี่ห้ากิโลเมตร เพื่อความปลอดภัยอยู่รวมกันจะได้มีเพื่อนดูและเผื่อเจ็บป่วยหรืออันตรายอื่นๆครับ พวกเราใช้เงินกันอยู่ที่คนละ 2,500 บาท ด้วยค่ารถไฟตู้นอนที่เราเดินทางไปกลับอยู่ที่ราคาประมาณ 1,700บาท และเรานำเต็นท์ไปเองก็ไม่มีค่าใช้จ่ายที่พักมากมายอะไร อาหารก็เตรียมไปตกจ่ายคนละไม่ถึง 100บาท ซึ่งที่เหลือก็เป็นค่ากินค่าเข้าอุทยานจิปาทะครับ 🙂
ติดตามผลงานได้ที่ Facebook Fanpage :
https://www.facebook.com/Thegaijintrips
IG : Thegaijintrips
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
Lockdown Life by Gaijin
ในช่วง Lockdown ที่ผ่านมา หลายคนคงต้องหยุดอยู่ที่บ้านจนหงอยเหงาไปตามๆกัน รวมทั้งตัวผมก็เช่นกัน ที่ทำได้แค่ดูแลรถอยู่บ้านและใช้ชีวิตไปกับครอบครัว ซึ่งคงเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ผมได้บันทึกเก็บไว้
ShellAdvancePower
ShellAdvanceCity
เลือกไปให้สุดในแบบคุณ
มอเตอร์ไซค์แบบไหนก็เลือกใช้เชลล์แอ๊ดว้านซ์
อะจ๊าก [EP.38] ติช่า กันติชา | วันที่ 1 ธ.ค. 62
รายการที่จะไปบุก ไปป่วนแขกรับเชิญ ดูแล้วจะบันเทิงจนร้อง \”อะจ๊าก\”
กับเหล่าพิธีกรสายฮาตัวท็อปของเมืองไทย น้าค่อม ชวนชื่น / ตั๊ก บริบูรณ์ / แจ๊ส สปุ๊กนิค / บอล เชิญยิ้ม / นุ้ย เชิญยิ้ม และ โรเบิร์ต สายควัน
อะจ๊าก ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 น. ทางช่อง GMM25
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของช่อง GMM25 ได้ที่
FB GMM25 | https://www.facebook.com/GMM25Thailand
IG GMM25Thailand | https://instagram.com/GMM25Thailand
Twitter | https://twitter.com/GMM25Thailand
YouTube | https://www.youtube.com/GMM25Thailand
Website | http://www.gmm25.com
The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว EP62 ฟูจิเมืองเลย
The Gaijin Trips แบกเป้เที่ยวคนเดียว EP62 ฟูจิเมืองเลย 2วัน1คืน
หลังจากหยุดล็อกดาวน์อยู่บ้านกันจนเบื่อ เมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เวลาเดินทางอีกครั้ง และที่โชคดีก็คือการเดินทางครั้งนี้มีเป้าหมายอยู่ที่ภูป่าเปาะ จังหวัดเลย สถานที่ที่ปิดมาได้สักพักและปัจจุบันก็ยังไม่ได้เปิดสักที ครั้งนี้ทางหมู่บ้านอนุญาตให้ผมเข้าไปได้และก็เป็นการพบกับทิวทัศน์ที่น่าสนใจพร้อมไปกับเรื่องราวที่สะดุดนับครั้งไม่ถ้วนก่อนมาถึงที่หมาย
ติดตามผลงานได้ที่ Facebook Fanpage :
https://www.facebook.com/Thegaijintrips
IG : Thegaijintrips
ติดต่อโฆษณาได้ที่ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/rayron.tv
low season รวมเพลงเพราะ ฟังสบาย เพลงรักนักเดินทาง การเดินทาง
ฝากติดตามด้วยจ้า
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่Wiki
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เดินทางคนเดียว